ใครที่เป็นไมเกรนต่างก็รู้ดีว่าอาการกำเริบมาทีแสนจะทรมาน บางครั้งปวดหัวติดต่อกันเป็นวันๆ จนเสียสมาธิในการทำงานก็มี ซึ่งกรณีนี้ก็ควรพึ่งยาเพื่อช่วยรักษาได้ทันท่วงทีที่สุด แต่สำหรับสายธรรมชาติบำบัด การดูแลตัวเองร่วมด้วยก็สามารถช่วยลดการเกิดไมเกรนได้เช่นกันค่ะ วันนี้เราเลยมาบอกวิธีการแก้อาการปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น รวมทั้งการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ลดความเสี่ยงการเกิดไมเกรนแบบทำได้เองโดยไม่ต้องพึ่งยา ไว้สำหรับเป็นตัวเลือกในการปฏิบัติ จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย
วิธีที่ 1 เลี่ยงปัจจัยกระตุ้นไมเกรน
ปกติแล้วการปวดไมเกรนเกิดจากปัจจัยบางอย่างที่มากระตุ้นค่ะ ซึ่งปัจจัยที่ว่านี้ก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล เป็นได้ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก เช่น บางคนปวดไมเกรนเพราะพันธุกรรมหรือฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง (ปวดไมเกรนร่วมกับช่วงเป็นประจำเดือน) ซึ่งเป็นปัจจัยภายในและยากจะเลี่ยง ในขณะที่บางคนปวดไมเกรนเนื่องจากปัจจัยภายนอก อย่างหลังนี้จะสามารถควบคุมและป้องกันไม่เกิดการปวดได้ค่ะ โดยเป็นได้จากสภาพอากาศ ความเครียด เจอแสงจ้า ความเหนื่อยล้า กลิ่นที่ก่อความวิงเวียน มลภาวะทางเสียง การกินอาหารบางชนิด หรือปวดเพราะอดอาหาร ใครที่สังเกตอาการแล้วเริ่มจับทางได้ว่าตัวเองมักปวดเพราะสาเหตุไหน ก็จะหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้เพื่อป้องกันอาการได้นั่นเอง
วิธีที่ 2 หยุดพักอย่างน้อย 20 นาที
บางครั้งอาการปวดไมเกรนมักจะรุนแรงมาก จนไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ วิธีที่จะแก้อาการปวดได้เร็วที่สุดก็คือการหยุดพักค่ะ โดยอาจจะนั่งพักสูดลมหายใจเข้า-ออกลึกๆ เพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปไหลเวียนในร่างกาย หรือถ้ามีเวลาก็สามารถนอนหลับสัก 20 นาที และควรเลือกเป็นสถานที่ที่อากาศถ่ายเท เงียบสงบ ปลอดแสง ห่างจากความวุ่นวายหรือเสียงรบกวน โดยระหว่างที่นอนหลับ กล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายจะผ่อนลง อาการปวดจึงค่อยๆ หายไปได้ และจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อตื่นค่ะ แต่สำหรับบางคนการนอนหลับก็อาจลดอาการได้แค่ชั่วคราว ถ้าเป็นอย่างนี้ก็อาจจะต้องมีการกินยา หรือใช้วิธีอื่นร่วมด้วยค่ะ
วิธีที่ 3 ดมน้ำมันหอมระเหย
กลิ่นอโรม่าก็มีส่วนช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและอาการปวดได้ค่ะ ซึ่งกลิ่นพวกนี้ก็มักจะทำงานได้ดีในผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันหอมระเหยที่มาจากธรรมชาติหรือกลิ่นสมุนไพรต่างๆ อย่างกลิ่นที่ช่วยรีแลกซ์ได้ดีหน่อยก็จะเป็นพวกน้ำมันลาเวนเดอร์ หรือน้ำมันเปปเปอร์มินต์ ซึ่งมีคุณสมบัติลดอาการปวดหัว สลายความเครียดได้ในตัวเอง เขาก็จะช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้ค่ะ แต่ก็ต้องเลือกให้ดี ไม่ควรเลือกแบบที่เป็นกลิ่นเลียนแบบหรือกลิ่นสังเคราะห์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนได้ โดยวิธีใช้สามารถสูดกลิ่นจากขวดโดยตรง หรือจะเอาผ้าผืนเล็กๆ ชุบน้ำอุ่นมาชุบน้ำมันหอมระเหยอีกทีแล้วดมผ่านผ้าก็ช่วยได้เช่นกันค่ะ
วิธีที่ 4 ดื่มน้ำขิง
มีงานวิจัยพบว่าในขิงมีสารชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ ซึ่งมีการทดลองใช้ขิงในผู้ปวดไมเกรนเทียบกับการใช้ยารักษา พบว่าทั้ง 2 กลุ่มมีอาการปวดลดลงภายใน 2 ชั่วโมง จึงสามารถสรุปได้ว่าการใช้ขิงช่วยรักษาอาการปวดนั้นสามารถทำได้จริง และขิงก็ยังเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่ผลข้างเคียงต่ำเมื่อเทียบกับยารักษาไมเกรนนั่นเอง แต่สำหรับวิธีนี้ก็ต้องมั่นใจนะคะว่าตนเองไม่ได้แพ้ขิง จึงจะสามารถนำไปปรับใช้ได้ โดยจะเลือกดื่มเป็นน้ำขิงอุ่นๆ ชาขิง ขิงต้มสด หรือแบบผงสำเร็จก็ได้ทั้งนั้นค่ะ
วิธีที่ 5 นวดกดจุด
อาการปวดไมเกรนมักมีการเกร็งกล้ามเนื้อช่วงต่างๆ ร่วมกับการเจ็บจี๊ดๆ เพราะฉะนั้นการนวดกดในจุดที่กล้ามเนื้อกระตุกหรือเกร็งตัวก็จะสามารถทำให้ร่างกายผ่อนคลายและลดอาการปวดแปลบๆ ไปได้ค่ะ ทำได้โดยนวดกล้ามเนื้อในบริเวณต่างๆ เช่น ขมับ คอ และไหล่ ให้เส้นเลือดคลายตัวและทุเลาอาการปวดลง หรือจะนวดกดจุดตำแหน่ง PC 6 บริเวณข้อพับมือต่ำลงจากอุ้งมือประมาณ 3 นิ้ว หรือจุด LI-4 ที่อยู่ตรงง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ เป็นเวลา 5 นาที ก็สามารถช่วยลดอาการปวดไปได้
วิธีที่ 6 ประคบเย็นหรือประคบร้อน
แนะนำให้นำผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณหน้าผากและคอ อาการจะค่อยๆ ทุเลาลงได้ค่ะ แต่ในบางคนถ้าประคบเย็นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ให้ประคบเย็นและร้อนไปพร้อมๆ กัน โดยให้ประคบเย็นที่หน้าผากและคอ ประคบร้อนตรงท้ายทอย ทำอย่างละ 2 นาทีสลับกันไปประมาณ 6 รอบ อาการปวดก็จะดีขึ้น หรือถ้าใครไม่สะดวกทำสลับกัน จะเลือกเป็นประคบร้อนอย่างเดียวก็ได้ โดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นมาโปะทิ้งไว้ที่ท้ายทอย ไล่ลงมาที่คอและไหล่ ร่วมกับการใช้ผ้าอุ่นนวดเบาๆ ที่ขมับ ตามด้วยเอาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าปิดท้าย อาการก็จะดีขึ้นค่ะ
วิธีที่ 7 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
บางครั้งการขาดน้ำระหว่างวันก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการปวดไมเกรนได้ค่ะ ดังนั้นคนที่มีอาการขึ้นมาแล้วรู้ตัวว่าดื่มน้ำไม่เพียงพอ ควรรีบจิบน้ำด่วนๆ จะเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แต่เราแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในทุกๆ วัน อย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้วจะดีกว่าค่ะ เพราะเป็นวิธีที่ป้องกันได้ตั้งแต่ต้นลม ไม่ต้องมาแก้เอาที่ปลายเหตุทีหลังนั่นเอง
วิธีที่ 8 หลีกเลี่ยงสารเคมีในอาหาร
อย่างที่อธิบายไปตอนต้นว่าไมเกรนสามารถเกิดจากปัจจัยกระตุ้นบางชนิด อาหารเองก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากอาหารประเภทที่ทำให้เกิดการแพ้เฉพาะกับแต่ละคนแล้ว ก็จะมีอาหารที่ผสมสารเคมีที่สามารถกระตุ้นอาการปวดได้เช่นกัน เช่น ผงชูรส ของหมักดอง คาเฟอีนทั้งในชาและช็อกโกแลต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งของทอด ของมันนั่นเอง ซึ่งอาหารพวกนี้ก็เป็นของแสลง มีส่วนผสมของสารเคมี หรือสารบางชนิดในตัวที่ไปปรับการทำงานของเคมีในสมอง ทำให้ปวดศีรษะขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นจึงควรเลี่ยงหรือกินในปริมาณจำกัดค่ะ
วิธีที่ 9 ปรับเปลี่ยนเวลานอนให้เหมาะสม
การนอนหลับสนิทให้ครบ 8 ชั่วโมงในตอนกลางคืน ส่งผลโดยตรงกับอาการปวดไมเกรนค่ะ โดยใครที่เข้านอนและตื่นเป็นเวลาเดิมทุกๆ วันก็จะลดความเสี่ยงในการปวดศีรษะลงได้ รวมทั้งไม่ควรนอนดึกเกินเวลาตี 1 และไม่ควรตื่นสายกว่า 10 โมงเช้า เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการรับสารอาหาร การตื่นสายอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำและกระตุ้นอาการปวดนั่นเอง
วิธีที่ 10 ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายมีส่วนช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี คลายมัดกล้ามเนื้อ พร้อมทั้งหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินที่ช่วยลดความเครียดและบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยสามารถออกกำลังกายได้ทั้งแต่การวิ่งเหยาะๆ อย่างน้อย 15 นาที หรือจะเลือกเล่นโยคะเพื่อช่วยกำหนดลมหายใจและสมาธิควบคู่ไปด้วยก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน แถมมีวิจัยออกมาแล้วนะคะ ว่าคนที่เล่นโยคะร่วมกับการรักษาไมเกรนแบบทั่วไป ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคนที่รักษาอาการทั่วไปอย่างเดียวอีกด้วย
สรุป
10 วิธีนี้ก็จะเป็นวิธีแก้อาการปวดเร่งด่วน รวมทั้งการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปเพื่อหลีกเลี่ยงไมเกรนนะคะ นอกจากนี้ก็ยังมีการกินอาหารอย่างแมกนีเซียมที่สามารถช่วยได้ แต่ทั้งนี้จะทำวิธีไหนแล้วเห็นผลมากน้อยอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน บางคนถ้าเป็นหนักๆ หรือมีอาการไมเกรนเรื้อรัง ทำวิธีที่เราลิสต์มาอย่างเดียวก็อาจไม่เพียงพอ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อวิเคราะห์หาวิธีรักษาที่ยั่งยืนและเหมาะสมต่อไป หรือถ้าใครมียาที่กินเป็นประจำอยู่แล้วก็ไม่ควรเลิกยาด้วยตัวเองนะคะ หวังว่าทุกคนจะนำไปปรับใช้และหายจากโรคชวนปวดหัวนี้ในที่สุดค่ะ
ที่มา phyathai, paolohospital, dhammaclinic, technologychaoban, praram9, goodlifeupdate