นกที่ตื่นเช้าย่อมจับหนอนได้ก่อนใคร แล้วถ้ามนุษย์ตื่นเช้าเหมือนกันทำไมจะไม่ดีถูกมั้ยคะ การตื่นเช้าใครๆ ก็รู้ว่าดี ถึงแม้จะทำยากมากก็ตาม แต่เพื่อประโยชน์ของร่างกายและจิตใจ ถ้าสาวๆ ได้ลองตื่นเช้าได้เป็นประจำก็จะยิ่งช่วยให้การทำงาน ความคิด มีประสิทธิภาพขึ้นค่ะ วันนี้เราเลยอยากมาขยายความปังของการตื่นเช้า เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ กระตุ้นให้ทุกคนอยากลองเปลี่ยนตัวเองมาลองตื่นเร็วขึ้นสักนิด ใครจะไปรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็กๆ อาจะส่งผลอันยิ่งใหญ่ได้ อยากรู้ว่าดีแค่ไหนตามไปอ่านกัน ไม่แน่นะพรุ่งนี้หลายๆ คนอาจลุกขึ้นมาพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้
1. มีเวลาทำสิ่งต่างๆ เยอะขึ้น
แน่นอนว่าทุกคนมีเวลาเท่ากันคือวันละ 24 ชั่วโมง แต่อย่างที่รู้ว่าแต่ละคนก็แบ่งเวลาได้ไม่เท่ากัน บางคนใช้เวลา 1 วันทำได้เพียงแค่ดูซีรีส์ หรือบางคนที่ใช้เวลา 1 วัน ทำได้กิจกรรมได้สารพัดสิ่ง ลิสต์ยาวเป็นหางว่าวก็เก็บหมด ซึ่งจริงๆ จะใช้เวลาแบบไหนก็ไม่ผิดค่ะ แต่ก็ต้องบอกว่าการได้เวลาเพิ่มขึ้นก็ค่อนข้างเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะกับคนที่ธุรกิจแน่นตัว ลองนึกเล่นๆ ว่าตื่นมาตี 4 สิ่งที่จะได้ทำก็มีตั้งแต่ดูพระอาทิตย์ขึ้น ทันตักบาตรพระ ให้ข้าวแมว ออกกำลังกาย แต่งหน้าให้ดีเทลแน่นเหมือนไปประกวดนางงาม แล้วยังมีเวลาชิลล์ๆ ช่วงเช้าก่อนจะเตรียมตัวออกไปทำงาน นอกจากนี้ยังช่วยให้แพลนสิ่งต่างๆ ได้ไว ออกจากบ้านก่อนคนอื่นๆ หนีรถติดได้เป็นของแถม แค่ข้อแรกก็กินขาดแล้วค่ะ
2. ได้กินมื้อเช้าที่สำคัญกับร่างกาย
ด้วยวิถีชีวิตชาวออฟฟิศที่เร่งรีบ อาจทำให้ใครหลายคนพลาดหรือตั้งใจปล่อยผ่านมื้อเช้าไป เพราะกลัวฝ่าการจราจรไปทำงานไม่ทัน ซึ่งถ้าไม่ได้กินไม่กี่ครั้งก็ไม่เป็นอะไร แต่ในระยะยาวก็ส่งผลกับร่างกายถึงขั้นเป็นโรคกระเพาะอาหารได้เลยค่ะ เพราะร่างกายเพิ่งผ่านการอดอาหารมานานและต้องการพลังงานเพื่อไปใช้ตั้งแต่เริ่มต้นวัน การตื่นเช้านอกจากมีประโยชน์ในด้านของเพิ่มเวลาทำสิ่งต่างๆ แล้ว ยังทำให้สาวๆ มีเวลาสำหรับการกินมื้อเช้าได้สบายๆ สามารถเลือกประเภทอาหารได้ตามที่ต้องการ โดยไม่ต้องจำใจกินอาหารจั๊งก์ฟู้ดเพราะความเร่งรีบกลัวทำอย่างอื่นไม่ทันอีกด้วย
3. พัฒนาด้านของสมาธิ จิตนิ่งดั่งหินผา
อย่างที่บอกไปว่าช่วงเวลาในตอนเช้าทำให้มีเวลาในการทำอะไรมากขึ้น สาวๆ เลยสามารถค่อยๆ ทำสิ่งต่างๆ ได้ โดยไม่ล่กหรือเร่งให้ทันทำตารางกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งความชิลล์นี่แหละค่ะที่ทำให้ตั้งสมาธิได้ดี โฟกัสการทำนู่นทำนี่ไปทีละอย่าง ห่างจากการ Multitasking อันทำให้หลายสิ่งยุ่งเหยิง ซึ่งพอสมาธิดีก็จะส่งผลให้การทำงานของสมองและจิตใจดีไปตลอดวัน ทุกสิ่งเป็นขั้นตอน อารมณ์ไม่เหวี่ยงวีน ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ แต่ช่วงเช้ายังมีอากาศบริสุทธิ์มากกว่า เสียงนกร้องและไก่ขันนี่แหละ ก็ช่วยเพิ่มพลังชีวิตของเราได้ดีเยี่ยมไปเลย
4. ทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อนี้เป็นผลมากจากข้อก่อนหน้าค่ะ พอสมาธิดีก็ไม่แปลกที่การทำงานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมอากาศดีๆ ที่สูดเข้าไปยังไปเพิ่มออกซิเจนในเลือดที่เป็นส่วนสำคัญต่อระบบการทำงานในร่างกาย เลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้การตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ได้ไม่ผิดพลาดอีกด้วย นอกจากนี้บางคนที่ตื่นเช้าก็มีเวลาทบทวนตารางชีวิตซึ่งมีประโยชน์กับการจัดการลำดับในการทำงานก่อน-หลัง ทำให้งานออกมาราบรื่น ประสบผลสำเร็จได้มากยิ่งขึ้นค่ะ
5. ดื่มด่ำกับช่วงเวลาอันสงบ
สายธรรมะจะรู้ดี เพราะช่วงเช้าคือเวลาแห่งความสงบที่แท้จริง เพราะปัจจุบันวิถีชีวิตของคนเราค่อนข้างเปลี่ยน ช่วงเช้าๆ ที่ควรตื่นแล้วหลายคนก็อาจจะยังนอนหลับอยู่ การที่เราได้ตื่นมาช่วงที่ทุกอย่างไม่เคลื่อนไหวเลยได้มีช่วงเวลาส่วนตัวเพิ่มขึ้น ไม่มีอะไรมาดึงดูดความสนใจไปจากตัวเอง จุดนี้ก็สามารถทบทวนชีวิต ตั้งสติ ปลีกวิเวท พักจากความเครียดจากสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งมีส่วนทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้ด้วย อาจไม่ต้องถึงขั้นลุกมานั่งสมาธิ เดินจงกรม แค่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองจริงๆ เท่านี้ก็มีประโยชน์แล้วค่ะ
6. บาลานซ์นาฬิกาชีวิตแบบดีเยี่ยม
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “นาฬิกาชีวิต” ถูกมั้ยคะ นาฬิกาชีวิตคือสิ่งที่กำหนดไว้ในร่างกายมนุษย์อยู่แล้วค่ะ ซึ่งเวลาที่กำหนดในการตื่นนอนนั้นคือช่วงระหว่างเวลาตี 5 ถึง 6 โมงเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมน Cortisol ทำงาน รวมถึงทำให้เราหิวในเวลา 1 – 2 ชั่วโมงต่อมา และอีกครั้งตอนกลางวัน 4 ชั่วโมงหลังจากมื้อเช้า การตื่นเช้าจะทำให้เราสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามเวลาของร่างกายโดยธรรมชาติ รวมไปถึงเวลานอนที่พอตื่นเช้าก็อาจทำให้ร่างกายง่วงไวและนอนไวตามซึ่งมีประโยชน์อีกมากเช่นกัน
7. ปรับการนอนหลับช่วงกลางคืนให้เต็มอิ่มกว่าเดิม
อีกหนึ่งผลลัพธ์จากนาฬิกาชีวิต พอนอนตื่นไวระบบในร่างกายก็จะทำงานไปตามเวลาที่ถูกเซ็ตไว้ ซึ่งก็รวมการนอนหลับเข้าไปด้วยค่ะ เพราะบางทีการนอนตื่นสายก็จะทำให้ช่วงกลางคืนง่วงช้าลงแล้วเกิดการนอนดึกตามมา ในขณะที่ถ้าตื่นไวก็มีแน้วโน้มง่วงไว ง่วงในเวลาที่ควรนอนทำให้ได้พักผ่อนตอนที่ร่างกายต้องรีเซ็ตระบบการทำงานพอดี เลยเป็นการนอนหลับที่เต็มอิ่มขึ้นนั่นเอง
8. กระตุ้นการขับถ่ายของเสียตรงเวลา
อย่างที่รู้กันว่าเวลาของการขับถ่ายจะอยู่ในช่วงเช้า โดยลำไส้ใหญ่กับลำไส้เล็กของมนุษย์จะเริ่มตั้งแต่ตี 5 – 7 โมงเช้า จะเป็นเวลาที่ดีที่สุด ถ้าตื่นสายก็เท่ากับว่าพลาดเวลาในการขับถ่ายของเสียไป รวมทั้งหลายคนก็ดันไปปวดถ่ายระหว่างเดินทางจนต้องอั้นอุจจาระ พอรู้ตัวอีกทีก็ถ่ายไม่ออกจนท้องผูกได้ แต่ถ้าเราตื่นเช้าปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไปค่ะ
9. น้ำหนักลดลงแบบงงๆ แต่ลดจริง
ก็เล่นได้ขับถ่ายเป็นเวลาแบบนี้ น้ำหนักก็ต้องลดลงเป็นธรรมดา มื้อเช้าที่กินไปก็ส่งผลให้มื้ออื่นๆ ไม่โหย แล้วกินน้อยลงด้วย ผอมแบบคูณสองไปเลยค่ะ แต่จะยิ่งแอดวานซ์เข้าไปอีกสำหรับสายฟิตที่ตื่นเช้า มีเวลามาออกกำลังกายกรุบๆ ก่อนไปทำงาน ติดเช้าแล้วก็ง่วงไว นอนเร็วขึ้นกระตุ้น Growth Hormone ให้เผาผลาญดีไปอีกต่อหนึ่ง เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายๆ ตัวเลย ใครจะไปเชื่อนี่แค่เปลี่ยนมาตื่นไวขึ้นเท่านั้นเองนะ
10. ลดความเสี่ยงของโรคร้าย
การตื่นเช้าเป็นการเซ็ตระบบการทำงานของร่างกาย พอร่างกายทำงานได้ถูกต้องตามธรรมชาติแล้ว โอกาสที่จะเป็นโรคก็สามารถลดลงหรือเลี่ยงได้นั่นเอง แถมพอตื่นเช้าเรายังได้ทำกิจวัตรต่างๆ ทั้งการขับถ่าย อาหารเช้า เจอแสงแดด สูดอากาศบริสุทธิ์ ตามที่ยกตัวอย่างไปในข้อก่อนๆ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นปัจจัยให้เรามีสุขภาพดีค่ะ ตามมาด้วยภมิคุ้มกันจากโรคร้ายต่างๆ ได้อีกด้วย
สรุป
อย่างที่บอกว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่เราคิดว่าไม่สำคัญ จริงๆ แล้วสามารถเปลี่ยนชีวิตไปได้เลย ซึ่งพฤติกรรมที่ว่าอย่างการตื่นนอนก็เป็นสิ่งที่ควรปรับด้วยซ้ำ เพราะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง ที่คิดว่าไม่เป็นอะไร รู้ตัวอีกทีอาจร้ายแรงก็ได้ แต่ถ้าลองมองแค่ข้อดีก็จะเห็นว่าลิสต์ประโยชน์ของการตื่นไวนี่ยาวแทบเป็นหางว่าว จุดนี้ก็เป็นหน้าที่ของทุกคนแล้วค่ะ ว่าจะตัดสินใจตื่นสายแต่สุขภาพกลางๆ หรือตื่นไวแล้วสุขภาพปัง จิตใจแจ่มใส การงานปั๊วไปตามๆ กัน ไม่เชื่อไม่เป็นไรแต่อยากให้ลองดูอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ถ้าเห็นความเปลี่ยนแปลงแล้วจะรู้เองว่าปัง
ที่มา today.line.me, sanook, mangozero, paolohospital, acare