ณ ปัจจุบันเป็นสังคมของเทคโนโลยีและการทำงานที่หามรุ่งหามค่ำ วัยรุ่นหรือวัยทำงานแทบจะไม่ได้นอนหลับพักผ่อนหรือนอนไม่เพียงพอ ส่งผลให้อาจจะเกิดปัญหาสุขภาพต่างๆตามมา เมื่อเรานั้นมีการทำงานหรือเรียนที่หักโหมร่างกายจนเกินไปอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายเราได้มากมาย เช่น มีไข้เมื่อปรับอุณหภูมิได้ไม่ทัน ปวดศีรษะเมื่อต้องจดจ้องกับสิ่งอะไรต่างๆนานจนเกิดไป ปวดตาเมื่อเราทำงานแล้วจ้องจอนานไป หรือไอโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ โดยปัญหาสุขภาพเป็นสิ่งที่ใครๆก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับตัวเองมากที่สุดเพราะถ้าเมื่อเกิดแล้วมีผลกระทบตามมาหลายอย่างทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษา เสียเวลาในการทำงานเพื่อพักฟื้นร่างกาย หรือแม้แต่ต้องเสียโอกาสต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วเราจะสามารถรับมือ ปกป้องและดูแลตัวเองได้อย่างไรกันนะ โดยที่อาการป่วยที่ดูปกติทั่วไปเราอาจจะมองละเลยข้ามไปโดยคิดว่าคงไม่ได้เป็นอะไรหนักมากเท่าไหร่ ซื้อยามาทานก็คงหาย อาการเล็กน้อยที่เราอาจจะมองข้ามได้เช่น ไอ จาม เป็นไข้ เป็นต้น แต่ทุกคนเคยเป็นไหมคะ เวลาไอนานๆหรือจามไปแล้วเรารู้สึกปวดท้อง เจ็บท้อง หรือมีอาการเกร็งที่หน้าท้องแปลกๆ โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร วันนี้เรามีบทความดีๆเกี่ยวกับไอแล้วเจ็บท้อง .. เช็คตัวเอง !! อาการนี้เกิดจากอะไร !? แล้วเราสามารถแก้ไขหรือดูแลตัวเองได้อย่างไรบ้างนะ อีกทั้งโรคที่เกี่ยวกับการไอและช่องท้องจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
อาการไอเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย ที่เกิดขึ้นเนื่องจากผลกระทบใดก็ตามจากปัจจัยภายนอก ทั้งการกินอาหารที่มีน้ำมันเยอะ เป็นภูมิแพ้ ฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นภายในอากาศก็ทำให้ไอได้ นอกจากนี้อาการไอ ยังเป็นสัญญาณเตือนว่ามีอะไรบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย โดยการไอนั้นเป็นอาการที่ไอเพื่อให้ลำคอและทางเดินหายใจโล่ง หากมีสารแปลกปลอม จุลินทรีย์ สิ่งระคายเคือง ของเหลว หรือเสมหะติดอยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งเวลาไอก็จะมีแบคทีเรียและสิ่งสกปรกต่างๆออกมาด้วย จึงควรปิดปากทุกครั้งที่เรามีอาการไอ หากผู้คนไออย่างรุนแรง และเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานแถมยังมีอาการอื่นๆแทรกซ้อนขึ้นมาอีก นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจจะมีโรคต่างๆเกิดขึ้นตามมาด้วย
แล้วอาการไอแบบไหนที่เราควรจะต้องรีบไปพบแพทย์โดยทันทีและไม่ควรปล่อยทิ้งระยะเวลานาน อาการไอที่ไอติดต่อกันมากกว่า 8 สัปดาห์ มีอาการไอที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน ไอแล้วยิ่งเจ็บหน้าท้องเพิ่มมากขึ้น อาการไอที่มีเลือดปนออกมากับเสมหะ อาการไอที่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีเลือดปน น้ำหนักลด เบื่ออาหาร หอบเหนื่อย อ่อนเพลียเจ็บหน้าอก เจ็บหน้าท้องรุนแรง อาการที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนี้เมื่อเราเป็นแล้วควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตัวเราเองจะได้ทราบสาเหตุที่ป่วยอย่างแน่ชัด เพราะไม่เช่นนั้นจะนำมาสู่โรคร้ายแรงอื่นๆตามมาได้ เช่น มะเร็งปอด โรคภูมิแพ้อากาศ ภาวะทางเดินหายใจไวต่อสิ่งกระตุ้น กรดไหลย้อน วัณโรคปอด เป็นต้น ดังนั้นเราจึงไม่ควรปล่อยไว้นานซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวเราเองก็เป็นได้
อาการไอหรือจามแล้วเจ็บท้อง เจ็บท้องน้อย เจ็บแบบเกร็งๆ แต่สักพักก็จะหายไป เป็นๆหายๆ อาการไอหรือจามหากเป็นมานาน หรือมีการไอจามแรงๆ สามารถทำให้เกิดอาการปวดท้องได้ เพราะ เป็นการเจ็บกล้ามเนื้อหน้าท้อง หลังการไอหรือจาม เป็นเรื่องปกติธรรมดา เนื่องจากมีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหน้าท้องมาก ขณะไอจาม โดยปกติแล้ว อาการปวดกล้ามเนื้อนี้ จะสามารถหายไปได้เองเมื่อหยุดไอ โดยอาการปวดถ้าปวดไม่มาก ไม่จำเป็นต้องทานยาคลายกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหากปวดมาก สามารถบรรเทาอาการให้ลดลงด้วยการทานยาคลายกล้ามเนื้อได้ อาการก็จะดีขึ้นเอง ถ้าภายใน 2-3 วันไม่หายแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยตรวจหาสาเหตุที่เป็นไปได้ โดยอาการไอแล้วปวดท้องน้อย ปวดหน้าท้องแบบเกร็งๆเกิดจากสาเหตุต่างๆได้ดังนี้
- อุ้งเชิงกรานอักเสบ คือการติดเชื้อแบคทีเรียนบริเวณอุ้งเชิงกราน ได้แก่ มดลูก ปีกมดลูก อาจพบว่ามีไข้ร่วมด้วย หรือมีตกขาวผิดปกติออกมาได้ เวลาไอแล้วอาจจะสะเทือนช่วงท้องแล้วเกิดอาการเจ็บได้
- โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สามารถมีอาการปวดท้องน้อยในขณะไอได้เช่นกัน มักพบร่วมกับอาการปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะขุ่นร่วมด้วย
- โรคลำไส้อักเสบ มักพบมีอาการปวดท้อง มีลักษณะคือมักจะปวดบีบ เป็นพักๆ หรืออาจจะมีอาการท้องเสียร่วมด้วยได้ แต่อาการมักหายไปประมาณ 1-2 วัน
- มดลูกมีความผิดปกติ เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญ เนื้องอกมดลูก เป็นต้น อาจจะส่งผลให้เวลาไอนั้นมีการสะเทือนที่ท้องน้อย จึงเจ็บท้องน้อยได้
-กลุ่มอาการภูมิแพ้ เกิดจากได้รับสารก่อภูมิเข้ามาในร่างกายจึงเกิดอาการแพ้ขึ้น เช่น ไรฝุ่น ควัน ขนสัตว์ เชื้อรา ไอระเหยจากสี บุหรี่ เป็นต้น เมื่อไอมากๆจึงมีอาการเกร็งหน้าท้องแล้วเจ็บ
- โรคหอบหืด อาจจะไอเมื่ออากาศสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศเย็นจัด หนาวจัดหรือการออกกำลังกายหนักๆก็เป็นตัวกระตุ้นทำให้มีอาการไอและร้าวไปจนถึงหน้าท้องจากการเกร็งเวลาไอได้เช่นกัน
-โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจติดเชื้อ เช่น ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ทำให้ไอมากจนแน่นหน้าอก เจ็บบริเวณหน้าอกร้าวไปที่หน้าท้อง
-โรคกรดไหลย้อน อาจทำให้เกิดอาการไอได้จากน้ำย่อยที่ไหลย้อนขึ้นมาระคายเคืองบริเวณลำคอและอาจไหลลงสู่หลอดลม จึงกระตุ้นให้เกิดการไอมากๆได้ อาจมีจุกคอ แสบร้อนกลางอกร่วมด้วย
-ในกรณีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น ถ้าเกิดมีอาการไอ จะสามารถรู้สึกปวดท้องหน่วงๆร่วมได้ เนื่องจากมีอาการสะเทือนไปที่มดลูก มดลูกถูกการดึงรั้งเพราะมดลูกมีการขยายทำให้เส้นเอ็นต่างๆที่ถูกยึดมดลูกและกล้ามเนื้อเกิดการดึงรั้ง การไอหรือจามก็จะส่งผลให้ไปสะเทือนร้าวที่หน้าท้องได้ ถ้าไม่มีเลือดออกมาก็หายห่วงได้ไม่ต้องกังวลแต่ถ้าเกิดมีเลือดออกมาหรือปวดบีบและเกร็งมากๆนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อเช็คดูอาการว่าสรุปแล้วเราเป็นอะไรกันแน่
การดูแลตัวเองนั้นถ้ายังมีอาการไอไม่มากก็ควรงดของมัน ของทอด หรืออาหารที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองที่คอ ดื่มน้ำให้มากๆเพื่อให้ที่คอไม่มีเสมหะหรือช่วยเจือจางให้เสมหะที่เหนียวๆและเพื่อบรรเทาอาการคอแห้งหรืออาการระคายเคืองคอ ดื่มน้ำอุ่นลดน้ำเย็น เช่นน้ำอุ่นผสมมะนาวและน้ำผึ้ง ช่วยให้ชุ่มคอและลดอาการไอลงได้ อมยาแก้ระคายเคืองคอ หลีกเลี่ยงมลภาวะที่เป็นพิษทั้งหลาย เช่น ควัน ฝุ่น ควันบุหรี่ เป็นต้น ถ้าอาการไม่ดีขึ้นและยังมีอาการอื่นๆแทรกซ้อนเข้ามาอีกเช่น มีเสมหะที่มากกว่าปกติ มีอาการแน่นหน้าอก มีไข้สูง คลื่นไส้อาเจียน ทานอาหารได้น้อยลงจากปกติ จุกแน่นคอ และมีอาการเกินกว่า 1 สัปดาห์ควรจะไปพบแพทย์เพื่อให้หมอช่วยวินิจฉัยอาการและรักษาโดยการให้ยาและรักษาด้วยวิธีอื่นๆให้ตรงจุดทันท่วงที
เมื่อเราทราบถึงอาการไอแล้วเจ็บท้อง ว่าเกิดจากอะไรในที่เราเป็นแล้วนั้น ก็ควรหันมาดูแลตัวเอง สังเกตอาการที่เป็นโดยการสังเกตตัวเอง เพื่อที่จะสามารถวินิจฉัยอาการตนเองในเบื้องต้น และรักษาอาการที่เราเป็นเบื้องต้น โดยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำที่ได้กล่าวไปข้างต้นได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อให้หมอช่วยเช็คอาการที่เป็นอีกทีและจะได้รักษาได้ตรงจุด ไม่ควรปล่อยปะละเลยให้ทิ้งระยะเวลานาน เพราะเราอาจจะมีโรคอื่นๆแทรกซ้อนขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ ทางที่ดีควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุดและช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตนเองให้ดีด้วยนะคะ อาการเจ็บป่วยไม่เข้าใครออกใครเมื่อไหร่ที่ร่างกายเรานั้นอ่อนแอก็สามารถมีอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้เช่นกัน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนมีความรู้และสามารถนำไปใช้ได้จริงนะคะ
ที่มา : ladyissue.com,pobpad.com,sanook.com