ได้ยินก็มาตั้งมากว่าน้ำฟักทองช่วยลดบวมดี ใครเพิ่งศัลยกรรมก็พากันหาดื่มทุกวันไม่ขาด วันนี้เราเลยอยากพาไปเจาะลึกว่าจริงๆ แล้วน้ำฟักทองช่วยเรื่องอะไร ลดบวมได้จริงไหมหรือเป็นแค่เรื่องจ้อจี้ พร้อมแนะนำประโยชน์อันน่าสนใจที่ซ่อนอยู่นอกจากการแก้บวมช้ำ พร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงควรเลือกกิน จะได้เลือกกินกันอย่างให้เห็นผลที่สุด สร้างความเข้าใจและได้ความรู้ในการกินเพิ่มเติมกันไปแน่นๆ เลยค่ะ จะปังจริงไม่จริง ลองตามอ่านได้เลย
ประโยชน์ของฟักทอง
ฟักทองเป็นพืชที่มีประโยชน์สูงค่ะ เพราะมีสารอาหารหลายชนิดอยู่ในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็กต่างๆ ทำให้กินเข้าไป 1 ที สามารถช่วยหลายเรื่องได้ในคราวเดียว ซึ่งประโยชน์ของเขาก็ไม่เพียงแต่ลดอาการบวมโดยตรง แต่มีสารอาหารอื่นที่พอมาอยู่รวมกันแล้วสามารถฟื้นฟูร่างกายหลังศัลยกรรมได้ดีเลยค่ะ เหมือนทีมแพทย์ที่เข้ามากู้ร่างกายเลยทีเดียว โดยหลักๆ ก็จะมีทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน ตามนี้เลย
1. สร้างระบบภูมิคุ้มกัน
อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าฟักทองมีสารอาหารที่ร่างกายอยู่หลากหลายในปริมาณที่สูงค่ะ หนึ่งในนั้นก็จะมีวิตามินเอ ลูทีน และเบต้าแคโรทีนที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันส่วนต่างๆ ให้กับร่างกาย ซึ่งช่วงหลังทำศัลยกรรมร่างก็อยู่ในภาวะที่อ่อนแอลง โอกาสในการติดเชื้อ อักเสบ และเป็นแผลเลือดไม่หยุดไหลก็เกิดขึ้นได้ การกินฟักทองก็จะไปช่วยแก้ปัญหาตรงนี้นั่นเองค่ะ
2. ลดอาการบวมช้ำ
ในฟักทองจะมีโพแทสเซียมในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ประมาณ 300 มิลลิกรัม ต่อฟักทอง 100 กรัม ซึ่งตัวโพแทสเซียมเองเขาสามารถไปควบคุมความสมดุลของน้ำ น้ำเหลือง และเลือดในบริเวณต่างๆ ในร่างกาย ที่มีผลกับอาการบวมโดยตรง ไม่ว่าจะบวมน้ำหรือบวมเพราะอักเสบนั่นเอง ช่วยให้ร่างกายขับปัสสาวะบ่อย ทำให้เชื้อโรคต่างๆ หรือพิษที่ได้จากการผ่าตัด รวมถึงอาการแพ้อาหารสามารถขับออกมาจากร่างกายได้ดีค่ะ
3. มีสารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระพบในฟักทองด้วยเช่นกันค่ะ โดยสารต้านอนุมูลอิสระเขาจะทำหน้าที่ช่วยชะลอความแก่ คงความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณไว้ได้ดี ป้องกันโอกาสเกิดมะเร็ง ดูแลเรื่องการกระตุ้นการเกิดเซลล์ใหม่ๆ ซึ่งคนที่เพิ่งทำศัลยกรรมมาก็อาจมีปัญหาตรงนี้ เพราะมีการผ่าตัดที่ต้องรอแผลสมานทำให้ต้องการการสร้างเนื้อเยื่อนั่นเอง ฟักทองก็จะสามารถช่วยเสริมสร้างเซลล์ต่างๆ กระตุ้นให้มีการเกิดใหม่ได้ดีค่ะ
4. ช่วยเรื่องหลอดเลือด
นอกจากวิตามินเอ สารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ฟักทองยังมีธาตุเหล็กหลายชนิดรวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งตัวธาตุเหล็กเขาจะมีประโยชน์ต่อหลอดเลือดค่ะ ในช่วงที่ทำศัลยกรรมมาใหม่ๆ ซึ่งมีผลกระทบกับเลือดในร่างกาย ภาวะเลือดไม่หยุดไหลจากแผลศัลยกรรม หรือบางทีก็มีการผ่าตัดที่ต้องเสียเลือดไปเยอะมาก ฟักทองก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้หลอดเลือดได้ ทำให้เลือดไหลเวียนดี ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ รวมถึงบริเวณเนื้อเยื่อใหม่จากการทำศัลยกรรมได้ด้วยนั่นเอง
5. ฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ดี
ฟักทองยังขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารสำหรับคนไดเอทและคนที่ออกกำลังกายหนักๆ เพราะสามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้ดี โดยถ้ากินหลังออกกำลังกายจะช่วยฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างออกกำลังกายได้ค่ะ ในขณะที่การทำศัลยกรรมเองก็มีส่วนที่ต้องผ่าตัดบริเวณกล้ามเนื้อโดยตรง ทำให้เกิดความเสียหาย อ่อนแอลง การกินฟักทองที่ช่วยเสริมความแข็งแรงได้ ก็จะเป็นประโยชน์ตรงนี้ด้วยค่ะ
ฟักทองลดบวมจริงไหม
คำตอบก็คือจริง อย่างที่เราได้บอกประโยชน์ของฟักทองไปแล้ว ซึ่งก็จะมีตัวโพแทสเซียมและวิตามินเอ รวมถึงธาตุเหล็กที่มีหน้าที่หลักในการลดบวม ขับพิษ สร้างสมดุลให้กับน้ำเหลืองในร่างกาย รวมถึงคอยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย และสร้างภูมิคุ้มกันมาสู้กับเชื้อโรค อาการอักเสบ หรือการแพ้อาหารระหว่างพักฟื้นได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้เองก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวม ควบคู่ไปกับการเพิ่มความแข็งแรงให้แผลผ่าตัด ให้หายไวโดยไม่ถูกทำร้ายด้วย ถ้าใครสามารถหากินได้ ก็แนะนำให้กินเลยค่ะ
ข้อควรระวังในการกิน
นอกจากประโยชน์แล้ว ฟักทองเองก็มีโทษเช่นกัน ซึ่งก็จะมาจากการกินในปริมาณมากไป กินอย่างผิดวิธี หรือเลือกฟักทองจากแหล่งไม่ได้คุณภาพ และยังรวมไปถึงกรรมวิธีการทำที่ส่งผลได้ด้วยเช่นกัน โดยมีปัจจัยที่ควรระวังมีทั้งหมด 5 ข้อค่ะ
1. เป็นร้อนใน เหงือกบวม
เนื่องจากฟักทองเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อนในตัวเอง หากกินเข้าไปเป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายต้องการต่อวัน อาจทำให้ได้รับความร้อนเข้าไปมาก ทำให้มีการปรับอุณหภูมิที่สูงเกินจริงไม่ตรงกับที่ควรจะเป็น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับบริเวณที่สัมผัสกับอาหารก่อนค่ะ อย่างช่องปาก ทำให้เกิดอาการร้อนใน เหงือกบวม และอาจพัฒนาต่อไปเป็นอาการร้อนท้อง เหงื่อออกเยอะได้ด้วย เพราะความร้อนในตัวสูงจนขับออกมาในรูปแบบดังกล่าวค่ะ
2. ท้องอืด
ฟักทองมีเนื้อที่หนักและแน่น การกินเข้าไปมากๆ เข้าก็ทำให้หนักท้องได้ ฟักทองยังเป็นคาร์โบไฮเดรตค่ะ ถ้าสังเกตจากอาหารตะวันตกก็จะเห็นว่าเขากินในปริมาณไม่มาก สัดส่วนเท่าเวลาคนไทยกินข้าว แต่บางครั้งพอสาวๆ ที่เพิ่งศัลยกรรมรู้ประโยชน์หลากหลายของเขาแล้วเลือกกินก็มีความอยากเร่งผลลัพธ์และกินมากไป ทำให้เกิดปัญหาท้องอืด ท้องผูก อาหารไม่ย่อยได้ค่ะ
3. ตัวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
สีเหลืองของฟักทองไม่ได้ติดอยู่แค่ผลของเขา แต่ยังตามไปกับคนที่กินด้วย ซึ่งถ้ากินในปริมาณมากไป ผิวของสาวๆ จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองตามที่กินนั่นเอง อาจฟังดูเกินจริง แต่มันส่งผลได้เช่นกัน ทางที่ดีก็ควรกินให้เหมาะสม แบ่งกินหลายๆ วันแต่สม่ำเสมอ ดีกว่าอัดเข้าไปทีละมากๆ จนเกิดผลเสียค่ะ
4. กระหายน้ำบ่อยขึ้น
ตามที่เราได้อธิบายไปในข้อแรกว่าฟักทองมีฤทธิ์ร้อน สิ่งที่ตามมานอกจากอาการร้อนใน อุณหภูมิในร่างกายที่ไม่ตรงกับที่ควรจะเป็น ก็ยังทำให้รู้สึกกระหายน้ำมากขึ้นได้ เพราะภายในร้อนค่ะ ซึ่งการกระหายน้ำแบบนี้แม้จะมีการดื่มเข้าไปแล้วก็อาจยังรู้สึกไม่พอ ยังกระหายอยู่เหมือนไม่ได้ดื่มได้ด้วย เพราะเป็นอาการที่มาจากความร้อนผ่าว ไม่ใช่เพราะร่างกายขาดน้ำจริงๆ นั่นเอง
5. อ้วนขึ้น
ฟักทองเป็นพืชที่คาร์โบไฮเดรตสูง ชาวตะวันตกก็เลือกกินเป็นพลังงานหลักของมื้อ ซึ่งถ้ากินตามปกติก็ไม่เป็นไร แต่พอเรากินเพื่อหวังฟื้นฟูร่างกายก็อาจเป็นไปได้ที่จะกินเข้าไปเยอะ จนร่างกายสะสมพลังงานมากเกินจำเป็นได้ นอกจากนี้ในฟักทองก็ยังมีน้ำตาลในตัวเอง ซึ่งส่งผลร้าย 2 เด้งได้ ทั้งนี้สาวๆ จึงควรออกกำลังกายร่วมด้วย ถ้าอยากกินในปริมาณที่มากกว่าปกติค่ะ
ทำไมต้องน้ำฟักทอง
เนื่องจากว่าฟักทองเองมีทั้งประโยชน์และข้อควรระวัง ถ้าอยากกินให้เจอผลเสียน้อย แต่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็จะมีวิธีกินแบบเหมาะสมอยู่ค่ะ หลายคนจึงเลือกเป็นน้ำฟักทอง เพราะสกัดสารอาหารมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อยู่ในรูปแบบของเหลวที่ทำให้สบายท้องกว่าแบบผล ย่อยง่าย ไม่อืด แถมพอเป็นน้ำแบบนี้ร่างกายจะสามารถนำไปใช้ได้ไวและเกิดประโยชน์ได้สูงสุดโดยไม่ต้องผ่านการย่อยหนักเท่าปกตินั่นเองค่ะ และการเลือกกินน้ำฟักทองก็กะปริมาณได้ง่ายกว่าเลือกกินแบบที่เอาไปประกอบอาหารแล้ว เราจึงควบคุมปริมาณได้ ไม่กินเยอะจนอ้วนได้ค่ะ
สรุป
จากข้อดีและข้อควรระวังของฟักทอง ก็จะเห็นแล้วว่าเขามีประโยชน์ต่อร่างกายหลังทำศัลยกรรมจริงๆ เพราะรวมสารอาหารต่างๆ ที่ช่วยฟื้นฟูทั้งโดยตรงและทางอ้อม และถ้าอยากให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด พร้อมเลี่ยงข้อเสีย การเลือกเป็นน้ำฟักทองจึงตอบโจทย์ที่สุด ดังนั้นเราจึงตอบคำถามให้กับทุกคนได้ในสุดท้ายนี้ว่า คนทำศัลยกรรมมาควรกินน้ำฟักทองเพื่อลดบวมนั่นเอง
ที่มา medthai, fic.ifrpd.ku, today.line.me