แจกทริคฉีดน้ำหอมยังไงให้หอมฟุ้งตลอดทั้งวัน
เคยสงสัยไหมว่า เวลาบางคนเดินผ่านเราจะได้กลิ่นน้ำหอมที่หอมฟุ้งแบบตลบอบอวล แถมยังมีกลิ่นหอมติดตัวนานหลายชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าการฉีดน้ำหอมแบบจัดหนัก จะทำให้ตัวหอมฟุ้งและติดทนได้ทั้งวัน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าเราฉีดเหมือนเยอะมากๆ อาจทำให้คนรอบข้างเมาน้ำหอมเราได้ ถ้าอยากให้น้ำหอมกลิ่นหอมฟุ้งติดทนตลอดทั้งวัน เราลองมาดูวิธีฉีดน้ำหอมที่ถูกต้องด้วยการแจกทริคฉีดน้ำหอมยังไงให้หอมฟุ้งตลอดทั้งวัน ติดทนนาน พร้อมให้คำแนะนำที่ทำให้น้ำหอมคงความสดในขวดได้นานหลายปีอีกด้วย
เคล็ดลับควรรู้ ของฉีดน้ำหอมให้หอมฟุ้งตลอดทั้งวัน
- ทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น เพื่อช่วยให้น้ำหอมติดทนนาน การทาน้ำหอมลงบนผิวที่เปียกหมาดๆ หรือเติมปิโตรเลียมเจลลี่ก่อนฉีดจะช่วยทำให้น้ำหอมติดทนนาน
- ฉีดน้ำหอมโดยตรงที่จุดชีพจรของคุณ หรือฉีดน้ำหอมลงบนหวี บนเสื้อผ้าของคุณ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้หอมฟุ้ง
- เลือกน้ำหอมกลิ่นแรง เช่น น้ำหอมโอเดอ น้ำหอมแท้ หรือน้ำมันน้ำหอมแบบโรลออน
แจกทริคฉีดน้ำหอมยังไงให้หอมฟุ้งตลอดทั้งวัน
1.ฉีดน้ำหอมลงบนผิวที่เปียกหมาดๆ
ผิวที่เปียกชื้นจะช่วยล็อคกลิ่นของน้ำหอมไว้เพื่อให้กลิ่นนั้นคงทนและอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น ด้วยการฉีดสเปรย์น้ำหอมหรือบอดี้มิสทันที หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ให้ซับตัวให้แห้งก่อนแล้วจึงฉีดน้ำหอมลงบนผิว จะทำให้กลิ่นน้ำหอมสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี เมื่อผิวมีความชุ่มชื้น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้กลิ่นน้ำหอมคงทนหิมฟุ้งอยู่เป็นเวลานานตลอดทั้งวัน แต่อย่าลืมวิธีการฉีดให้ฉีดน้ำหอมโดยตรงไปที่ผิว ไม่ใช่การฉีดไปในอากาศแล้วเดินผ่านละอองน้ำหอม เพราะการฉีดพ่นน้ำหอมลงบนผิวโดยตรงจะช่วยทำให้กลิ่นหอมติดทนนาน
2.การทำให้ผิวชุ่มชื้น จะช่วยให้กลิ่นของน้ำหอมหอมฟุ้งมากยิ่งขึ้น
ผิวที่ชุ่มชื่นจะสามารถดูดซับกลิ่นของน้ำหอมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น หลังการอาบน้ำ หรือหากคุณไม่มีเวลาอาบน้ำให้ทาครีมบำรุงผิว หรือน้ำมันบำรุงผิวกาย หรือโลชั่นบำรุงผิว ก่อนการฉีดน้ำหอม โดยการทาครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวลงในบริเวณที่คุณต้องการจะฉีดน้ำหอม จะทำให้ผิวของคุณสามารถคงความหอมไว้ได้นานมากยิ่งขึ้น
3.ทาวาสลีนที่ข้อมือก่อนการฉีดน้ำหอม
วาสลีนจะช่วยคงกลิ่นไว้ได้นานมากยิ่งขึ้น แทนการทามอยเจอร์ไรเซอร์ ให้วาสลีนบาง ๆ บนจุดชีพจรก่อนการฉีดน้ำหอม วาสลีนจะช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวและช่วยล็อคกลิ่นน้ำหอมไว้ เมื่อทาวาสลีนก่อนการฉีดน้ำหอมจะช่วยคงความหอมไว้ได้นานตลอดทั้งวัน
4.ฉีดน้ำหอมลงบนจุดชีพจรโดยตรง
ความร้อนจากจุดชีพจรจะสามารถกระตุ้น และกระจายน้ำหอมได้ดี การฉีดน้ำหอมที่ด้านในของข้อมือ และข้อศอก หลังใบหู หรือที่กระดูกอก ฐานของคอ หลังเข่า และข้อเท้า ถือเป็นจุดที่ดี เนื่องจากผิวหนังในบริเวณดังกล่าวมีความบางที่สุด จึงทำให้สามารถสร้างความร้อนได้มากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย เมื่อน้ำหอมอุ่นขึ้น มันจะกระตุ้นให้กลิ่นหอมแผ่กระจายออกมาจากแต่ละจุด นอกจากนี้ยังสามารถฉีดน้ำหอมไปทั่วร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่การฉีดน้ำหอมตามจุดชีพจรเป็นวิธีที่ดีในการทำให้กลิ่นหอมติดทน
5.ไม่ถูข้อมือหลังฉีดน้ำหอม
บางคนจะชอบถูข้อมือหลังฉีดน้ำหอม แต่รู้หรือไม่ว่า การทำแบบนั้นนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้น้ำหอมติดทนแล้ว ยังอาจทำให้กลิ่นน้ำหอมเปลี่ยนไป เพราะการเสียดสีของผิวหนังอีกด้วย ดังนั้นฉีดอย่างเดียวพอไม่ต้องถูจะทำให้กลิ่นน้ำหอมติดทนนานกว่า
6.ฉีดให้กระจายอย่าเป็นกระจุก
เวลาฉีดน้ำหอมอย่าฉีดให้ใกล้ตัวมากจนเกินไป การฉีดน้ำหอมที่ดีควรถือน้ำหอมให้ห่างกับตัว เพื่อให้ฉีดได้ละอองเล็กและบางเบา กลิ่นจะได้ฟุ้งทั่วไม่ใช้กระจุกอยู่แค่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง โดยเฉพาะหากจะฉีดตามจุดชีพจรก็ควรถือขวดน้ำหอมให้ห่างออกม่หน่อยเพื่อให้น้ำหอมกกระจายตัวได้บ้าง ไม่งั้นกลิ่นจะฉุนเกินไป
7.ฉีดน้ำหอมในอากาศ
การฉีดน้ำหอมในอากาศแล้วรีบเดินผ่าน ถึงมันจะดูเป็นวิธีที่เปลืองน้ำหอม แต่วิธีนี้ก็สามารถใช้ได้ผลจริง แต่ควรจะใช้กับน้ำหอมประเภท EDP ที่มีความเข้มข้นของหัวน้ำหอมสูง เนื่องจากการฉีดน้ำหอมด้วยวิธีนี้ จะช่วยกระจายให้กลิ่นหอมติดทั่วไปทั้งตัว ให้ได้กลิ่นหอมแบบอ่อนๆเป็นธรรมชาติ และกลิ่นไม่ฉุนจนเกินไป อีกทั้งยังช่วยให้กลิ่นหอมนั้นติดทนอีกด้วย
8.ฉีดน้ำหอมลงบนหวี
การฉีดน้ำหอมลงบนหมีเป็นการเพิ่มความหอมให้กับเส้นผม ด้วยการจัดแต่งทรงผมด้วยหวีแปรงผมกลิ่นหอม แม้ว่าการฉีดน้ำหอมลงบนเส้นผมโดยตรงจะไม่ใช่ความคิดที่ดี เนื่องจากแอลกอฮอล์ในน้ำหอมอาจส่งผลทำให้เส้นผมเสียได้ การใช้แปรงผมจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า โดยฉีดน้ำหอมเล็กน้อยลงบนแปรง จากนั้นใช้แปรงลูบผมหลาย ๆ ครั้ง เพื่อเป็นการกระจายกลิ่นไปรอบ ๆ และเป็นการทำให้กลิ่นหอมนั้นคงอยู่
9.ใช้น้ำหอมบอดี้โลชั่นและครีมอาบน้ำกลิ่นเดียวกัน
การเลือกใช้ครีมอาบน้ำโลชั่นบำรุงผิวและน้ำหอมให้เป็นกลิ่นเดียวกันทั้งหมด พอมารวมกันแล้วจะยิ่งทวีคูณความหอม ทำให้กลิ่นติดทนนานตลอดทั้งวัน
10.ฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้า
รู้มั๊ยว่าการฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้า น้ำหอมจะสามารถเกาะติดเส้นใยของเสื้อผ้า ได้นานกว่าที่ติดกับผิวหนัง โดยการฉีดน้ำหอมเล็กน้อยไปในอากาศ แล้วโบกเสื้อผ้าของคุณไปรอบๆ หรือฉีดน้ำหอมที่ซับในของเสื้อเชิ้ต แจ็กเกต หรือผ้าพันคอ ถึงแม้ว่าน้ำหอมนั้นจจะถูกออกแบบมาให้ทำงานกับผิวหนังได้ดี และออกฤทธิ์ได้เร็วที่สุดเมื่อสัมผัสกับความร้อนจากร่างกาย แต่น้ำหอมก็สามารถติดเสื้อผ้าได้นาน เนื่องจากเนื้อผ้าจะเป็นตัวที่สามารถดูดซับกลิ่นได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีข้อควรระวังอย่างเช่น อย่าฉีดน้ำหอมโดยตรงลงบนเสื้อผ้าที่เปื้อนง่าย เช่น ผ้าไหม เป็นต้น อย่างไรก็ตามน้ำหอมที่ฉีดลงบนเสื้อผ้าอาจมีกลิ่นที่เบากว่าผิวของคุณเพียงเล็กน้อย
ข้อแนะนำในการฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้า : ระวังการฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้าที่มีสีสว่าง เพราะน้ำหอมบางตัวอาจทำให้เกิดรอยบนเสื้อผ้าได้ ฉีดให้ห่างเสื้อออกมาสัก 1 ไม้บรรทัด เพื่อให้น้ำหอมฟุ้ง และเกาะบนเสื้อผ้าได้มากกว่า
11.ใช้น้ำหอมประเภทโอ เดอ ปาร์ฟูม
น้ำหอมมีอยู่หลายประเภท และน้ำหอมประเภท eau de parfum กลิ่นจะติดทนนานกว่า น้ำหอมประเภท eau de toilette ในการเลือกซื้อน้ำหอม จะสามารถสังเกตเห็นได้ว่า น้ำหอมแต่ละขวดจะมีป้ายกำกับว่า eau de toilette (EDT) หรือ eau de parfum (EDP) โดยทั่วไปแล้ว โอ เดอ ปาร์ฟูม จะมีความเข้มข้นของน้ำมันหอมที่สูงกว่า ทำให้มีกลิ่นที่ทรงพลัง และติดทนนานกว่าโอ เดอ ทอยเลตต์ หากต้องการให้น้ำหอมติดทนนานการเลือกน้ำหอมประเภท EDP ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะน้ำหอมประเภท โอ เดอ เพอร์ฟูม จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ในขณะที่น้ำหอมประเภทโอ เดอ ทอยเล็ตต์ จะอยู่ได้แค่ประมาณ 3 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถทำให้น้ำหอมทั้งสองประเภทอยู่ได้นานขึ้นด้วยใช้เคล็ดลับต่างๆที่เรานำมาฝากนี้
12. เลือกน้ำหอมที่มี base note ที่แข็งแกร่ง
base note ที่เป็นกลิ่นวานิลลา ไม้จันทน์ และไม้ซีดาร์จะติดทนนานกว่า แม้ว่าคุณอาจจะชอบน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ หรือกลิ่นซิตรัส แต่ทั้งสองกลิ่นนี้มักจะจางหายไปเร็วกว่าน้ำหอมกลิ่นวานิลลาหรือกลิ่นไม้ base note ของดอกไม้และซิตรัสจะทำให้ได้กลิ่นที่เร็วที่สุด แต่กลิ่นจะไม่แรงในการเลือกน้ำหอมควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามี base note ของอะไร เพราะมันจะมีโอกาสติดทนตลอดทั้งวัน หากเป็น base note เช่น น้ำผึ้ง ช็อกโกแลต และวานิลลา กลิ่นเหล่านี้ล้วนติดทนนาน ดังนั้นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของ base note เหล่านี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการที่ทำให้กลิ่นน้ำหอมติดทนนานตลอดทั้งวัน
13.ในกรณีที่ผิวแพ้น้ำหอม
ให้ฉีดพรมน้ำหอมลงบนผ้าเช็ดหน้า จากนั้นให้พับเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ วิธีนี้สำหรับคนที่ไม่แพ้น้ำหอม ก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน เพราะวิธีนี้จะช่วยรักษากลิ่นของน้ำหอมให้ติดแน่นทนนาน แต่ก็ไม่ควรฉีดเข้มหรือหนาจนเกินไปเอาแค่พอดีๆพอ
14.ฉีดน้ำหอมลงบนของใช้ส่วนตัว
เช่นกระเป่า หรือเครื่องสำอาง จะช่วยให้รอบตัวคุณหอมฟุ้ง เพราะการพรมน้ำหอมไปแค่ที่ตัวบุคคลนั้นอาจจะทำให้กลิ่นหอม ไม่ติดแน่นทนนานได้เท่ากับสิ่งของ ข้อแนะนำก็คือไม่ควรประโคมน้ำหอมลงไปจนเปียกชุ่ม แค่พรมบางๆ ก็พอเท่านี้ก็หอมแล้ว
15.ควรฉีดน้ำหอมบ่อยๆ
การฉีดน้ำหอมบ่อย อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง เป็นวิธีดั้งเดิมที่สุด และเบสิกที่สุด ในเมื่อน้ำหอมระเหย หรือหมดกลิ่นหอมเร็ว ก็ฉีดอัดซ้ำเข้าไปบ่อยๆเพื่อจะได้หอมฟุ้งตลอดทั้งวัน แต่ข้อแนะนำ คือไม่ควรฉีดซ้ำที่เดิมมากเกินไปนะคะ ควรฉีดพรมไปในส่วนอื่นๆ บ้าง
16.ฉีดน้ำหอมตอนรีดผ้า
การที่คุณฉีดน้ำหอมลงบนผ้าแล้วรีดทับ ความร้อนจากเตารีด จะทำให้กลิ่นของน้ำหอมติดอยู่ในใยผ้า ดังนั้นกลิ่นหอมจากน้ำหอมจะติดทนมากกว่า การฉีดลงบนเสื้อผ้าที่รีดเสร็จแล้ว แต่ถ้าคุณจะใช้เทคนิคนี้ก็ต้องเลือกน้ำหอมกันด้วย เพราะน้ำหอมบางยี่ห้ออาจทำให้เสื้อผ้าของคุณเป็นคราบได้
17.เก็บน้ำหอมของคุณไว้ในที่เย็นและมืด
แสงและความร้อนทำให้กลิ่นหอมในน้ำหอมของคุณแตกตัวเร็วขึ้น เลือกตู้ที่ปลอดภัย ชั้นวางที่มีร่มเงา หรือซอกเล็กๆ เพื่อเก็บน้ำหอมของคุณ หากคุณวางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์ห้องน้ำ หรือที่ใดก็ตามที่ได้รับแสง ความร้อน และความชื้นเป็นประจำ น้ำหอมจะอยู่ได้ไม่นานและจะเริ่มสูญเสียกลิ่นไป หากน้ำหอมของคุณบรรจุในกล่อง การเก็บน้ำหอมไว้ในกล่องเป็นเวลานานจะช่วยป้องกันไม่ให้ขวดโดนแสง ทิ้งน้ำหอมของคุณเมื่อหมดอายุ น้ำหอมมีอายุการเก็บรักษาโดยเฉลี่ย 3 ถึง 5 ปี แม้ว่าบางชนิดอาจอยู่ได้นานถึง 10 ปี ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ของน้ำหอมเพื่อดูวันหมดอายุที่แน่นอนยิ่งขึ้น
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับแจกทริคฉีดน้ำหอมยังไงให้หอมฟุ้งตลอดทั้งวัน ที่เรานำมาฝากกัน น้ำหอมถือเป็นไอเทมที่หลายคนขาดไม่ได้เลย ถ้าอยากให้หอมนานก็ต้องฉีดให้ถูกตำแหน่ง และถูกช่วงเวลา อ่านแล้วอย่าลืมลองไปทำตามกันนะคะ รับรองว่าทริคที่เรานำมาฝาก จะช่วยทำให้น้ำหอมติดทนนานและเพิ่มเสน่ห์ให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน