คนเราทุกคนนั้นเชื่อว่าต้องเคยที่จะประสบอุบัติเหตุหรือเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่ทำให้เกิดแผลขึ้นมาได้ตามร่างกาย ทั้งใบหน้า แขน ขา ลำตัว โดยถ้ามีแผลเกิดขึ้นมาแล้วก็ควรต้องรีบทำการรักษาให้หายโดยเร็วที่สุด แต่พอแผลหายแล้วกลับกลายเป็นว่าเจ้าแผลนั้นดันทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเสียได้ โดยแผลเป็นนั้นเกิดได้จากทั้งแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ แผลผ่าตัดหรือแม้กระทั่งเกิดจากสิว ซึ่งรอยแผลเป็นนั้นก็จะยิ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมากโดยเฉพาะถ้าแผลเป็นนั้นสามารถเห็นได้ชัดเจนอีก ซึ่งแต่ละวิธีรักษาก็จะต้องใช้เวลาแตกต่างกันออกไป
วันนี้เราจึงนำมีแผลเป็นทำอย่างไรให้ผิวกลับมาดูเรียบเนียนไร้รอยมาให้กับทุกคนที่กำลังมองหาวิธีการที่จะมาแก้ไขรอยแผลเป็น ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ไม่มีรอยแผลเป็นอีกทั้งยังกู้คืนความมั่นใจกลับมาได้อีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่าจะมีวิธีอะไรที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้บ้าง ลองดูกันเลย
แผลเป็นเกิดจากอะไร?
แผลเป็นเกิดจากกระบวนการรักษาตัวของแผล ทั้งการซ่อมแซมและรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นทั้งจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก การเจาะหู แผลผ่าตัด แผลยุงกัด เกิดจากโรคบางชนิด ทั้ง อีสุกอีใสหรือแม้แต่เกิดขึ้นจากสิวของเรา ซึ่งโดยปกติผิวหนังของเราจะประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้าที่อยู่นอกสุด ลึกลงไปจะเป็นชั้นหนังแท้ ถ้าบาดแผลที่เกิดขึ้นลึกถึงชั้นหนังแท้ หรือว่าเป็นแผลติดเชื้อถึงชั้นหนังแท้ ก็จะทำให้เกิดแผลเป็นขึ้นมาได้ หรือใครที่ชอบแกะสะเก็ดแผลบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดแผลเป็นได้เช่นกัน โดยทั้งนี้ร่างกายจะมีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนขึ้นมามาทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป ซึ่งเป็นกระบวนการสมานแผลตามธรรมชาติ และเมื่อแผลหายดีแล้วมักจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ดูต่างหน้านั่นเอง ทั้งนี้การเกิดแผลเป็นในแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมีความเสี่ยงทางพันธุกรรมจึงมีโอกาสที่จะเกิดแผลเป็นได้มากกว่า
ประเภทของแผลเป็น
ประเภทของแผลเป็นที่เกิดขึ้นนั้นจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่พบของร่างกายและแตกต่างกันตามแผลที่เป็น ซึ่งสามารถจำแนกประเภทของรอยแผลเป็นได้ดังนี้
แผลเป็นเรียบหรือแผลเป็นแบบทั่วไป แผลเป็นที่ทุกคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะสามารถพบได้บ่อยที่สุด เกิดขึ้นจากกระบวนการรักษาแผลตามธรรมชาติของร่างกาย แผลเป็นชนิดนี้เริ่มแรกมักปรากฏเป็นสีแดงหรือสีคล้ำ นูนขึ้นมาจากผิวหนัง หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ มีสีอ่อนและแบนลงเมื่อเวลาผ่านไป แผลเป็นชนิดนี้มักไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด อาจจะมีอาการคันบ้าง แต่ก็เพียงช่วงเวลาไม่กี่เดือน และอาจจะมีลักษณะปรากฏเป็นสีค่อนข้างเข้มและไม่สวยงาม น่ามองเท่าไหร่นัก โดยลักษณะของแผลเป็นก็ขึ้นอยู่กับความกว้างของแผลอีกด้วย
แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar)
แผลเป็นนูน คือ แผลเป็นที่นูนขึ้นหลังจากเกิดแผลใหม่ ๆ ที่มีลักษณะนูน แดง และมีอาการคันเล็กน้อย แต่จะไม่ขยายขอบออกจากแผลเก่า ซึ่งแผลเป็นนูนสามารถมีขนาดเล็กลงได้เองโดยธรรมชาติ หรืออาจใช้การนวดเบา ๆ เป็นประจำ จะช่วยให้แผลเป็นยุบเร็วมากยิ่งขึ้นได้ แผลเป็นนี้คล้ายคลึงกับแผลเป็นคีลอยด์มากทีเดียว เพราะนอกจากจะเกิดจากการผลิตคอลลาเจนรักษาแผลที่ไม่สมดุลเหมือนกัน ลักษณะรูปร่างยังใกล้เคียงกับแผลเป็นคีลอยด์ด้วยเช่นกัน
แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid) แผลเป็นคีลอยด์
คือ แผลเป็นที่มีลักษณะนูนอย่างเห็นได้ชัดเจนจากผิวหนังปกติ และจะขยายพื้นที่ออกจากรอยแผลเป็นเดิมจนมีขนาดใหญ่ขึ้น เกิดจากความผิดปกติของการแบ่งคอลลาเจนในชั้นผิวที่มีมากจนเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตามกรรมพันธุ์ โดยมักพบจากบาดแผลบริเวณหัวไหล่ ต้นแขน กลางหน้าอก บริเวณหู และบริเวณตอนบนของส่วนหลัง เป็นต้น แผลเป็นคีลอยด์มักมีลักษณะนูนขึ้นจากผิวหนัง ค่อนข้างเป็นมันเงา และไม่มีขนขึ้นที่แผลแผลเป็นชนิดนี้มักตามมาด้วยอาการคัน เจ็บ แสบร้อน หรือหากแผลตึงและเกิดใกล้กับข้อต่อก็อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวได้ด้วยเช่นกัน
แผลเป็นจากแผลไหม้
แผลชนิดนี้เกิดจากอาการไหม้ ทำให้ผิวหนังตึง ซึ่งอาจส่งผลให้การเคลื่อนไหวบริเวณที่เกิดแผลทำได้ไม่เต็มที่และที่น่ากลัวกว่านั้นคือแผลนี้สามารถเกิดลึกลงไปจนกระทบต่อกล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้อีกด้วย
แผลเป็นหลุมลึก ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาสิวที่มักจะทิ้งรอยเอาไว้จนกลายเป็นแผลเป็นแบบหลุมลึกนอกจากนี้ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังที่เกิดจากโรค เช่น อีสุกอีใส ที่แม้จะรักษาจนหายดีแล้วก็ตาม ก็สามารถทิ้งรอยหลุมแผลเป็นฝากไว้ได้เช่นกัน
วิธีรักษารอยแผลเป็น
มะนาว
น้ำมะนาวนั้นมีสรรพคุณที่จะช่วยลบรอยแผลเป็นได้อย่างดีเยี่ยม จึงนิยมนำมาใช้รักษารอยแผลเป็น เพราะในน้ำมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูแผลและรักษาบาดแผล ทำให้แผลเป็นมีขนาดเล็กลง วิธีการง่ายๆเพียงนำน้ำมาทะที่บริเวณแผลและทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดรอยแผลให้แห้ง ตามด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำเป็นประจำได้ทุกวัน วันละ 2 ครั้งอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยทำให้รอยแผลเป็นค่อยๆจางลงได้
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการนำมาใช้เพื่อลบรอยแผลเป็น ยิ่งโดยเฉพาะกับแผลที่เพิ่งเกิดใหม่ เนื่องจากว่านหางจระเข้มีสรรพคุณในการให้ความชุ่มชื้นกับผิว ลดการอักเสบของแผล ยังสามารถช่วยลดอาการแสบร้อนและอาการคันได้ด้วย วิธีการคือนำวุ้นจากว่านหางจระเข้มาทาบริเวณแผลเป็นแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งซึมเข้าสู่ผิว ทำให้แผลเป็นมีความชุ่มชื้น รอยมีขนาดเล็กลงและจางอย่างเห็นได้ชัด
ใช้ผลิตภัณฑ์ยาทาเพื่อแก้รอยแผลเป็น
โดยต้องมีส่วนผสมของวิตามิน E เพื่อช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังเร่งการซ่อมแซมแผลได้ดีขึ้น และอาจมีส่วนผสมของวิตามิน A และวิตามิน B3 เพื่อช่วยลดความเข้มของสีผิวให้ผิวแลดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
หอมหัวใหญ่
หอมหัวใหญ่นิยมนำมาสกัดเป็นยารักษาแผลเป็นมากที่สุดอย่างหนึ่งในการลดรอยแผลเป็น เนื่องจากหอมหัวใหญ่นั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อ ลดการอักเสบของแผล และทำให้รอยแผลและดูจางลงได้ วิธีการใช้ก็ง่ายมากๆเพียงแค่นำหอมหัวใหญ่มาบดให้ละเอียดแล้วบีบน้ำของหอมหัวใหญ่ออกมา จากนั้นนำน้ำมาแต้มที่บริเวณรอยแผลเป็น รอจนแห้งและล้างออกด้วยน้ำอุ่น สามารถทำซ้ำได้ หลังจากนั้นรอยแผลเป็นก็จะค่อยๆแลดูจางลงและแผลก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ใบบัวบก
ใบบัวบกเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการช่วยในเรื่องของการสมานแผล เร่งการสร้างเนื้อเยื่อ ซึ่งจะทำให้แผลหายได้อย่างรวดเร็วขึ้น วิธีการคือนำใบบัวบกมาล้างและต้ม จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำออกมา ทาลงบนบริเวณแผลเป็นที่เป็น สามารถทำได้ทุกวัน รอยแผลเป็นก็จะค่อยๆจางลงและช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น
การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid injections)
สำหรับแผลเป็นประเภทคีลอยด์และแผลเป็นนูนที่ไม่ขยาย สามารถทำให้จางหรือยุบลงด้วยการใช้วิธีการฉีดสเตียรอยด์ ในปริมาณเข็มเล็กๆหลายๆครั้ง โดยทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของแผลเป็นที่เป็นรวมถึงความกว้างของแผลอีกด้วย
วาสลีน
วาสลีนนั้นมีประสิทธิภาพได้ดีเทียบเท่ากับครีมราคาแพงๆเลย เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นแล้วยังสามารถช่วยรักษารอยแผลเป็นแตกลายและรักษาแผลเป็นที่เกิดจากสิวอีกด้วย โดยสามารถนำวาสลีนมาทาเป็นประจำทุกวันบริเวณที่เป็นรอยแผลเป็น จะช่วยทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน และชุ่มชื้นมากขึ้น นอกจากนี้รอยแผลเป็นต่างๆก็จะค่อยๆจางลงไปจนเห็นได้ชัด
การเลเซอร์ลบรอยแผลเป็น
เป็นการใช้พลังงานจากเลเซอร์ เพื่อส่งผ่านชั้นผิวหนังเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อบริเวณรอยแผลเป็นที่นูนให้เรียบเนียนขึ้น โดยวิธีการคือยิงไปบนแผลเป็นที่มีรอยแดง เช่นแผลสิวแดง ๆ หรือแผลที่นูนแบบคีลอยด์ก็ได้ หลังยิงเลเซอร์ลบรอยแผลเป็นจะไม่ทำให้เกิดแผลซ้ำขึ้นมาอีก การทำงานของเลเซอร์ คือ จะยิงลงไปที่หลอดเลือดฝอยบริเวณที่เป็นแผลและทำให้แผลแดงน้อยลง แบนลง รอยจางลงนั่นเอง ซึ่งการใช้วิธีนี้ในการรักษารอยแผลเป็นอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและดีกว่าการทายามากๆ
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเป็นมอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เพราะน้ำผึ้งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณแผลเป็น ป้องกันการผลิตคอลลาเจนในจำนวนที่มากจนเกินไป และช่วยลดรอยแผลเป็นได้ดีมากเช่นกัน วิธีการง่ายๆคือนำน้ำผึ้งมาทาลงบริเวณที่เป็นรอยแผลเป็น ทิ้งไว้ 30 นาทีหลังจากนั้นทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซึ่งสามารถทำเป็นประจำในทุกวันได้ จะช่วยทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและรอยแผลเป็นมีขนาดเล็กลงและจางลง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับวิธีการแก้ปัญหารอยแผลเป็นที่เราได้นำมาฝากทุกคนในวันนี้ หลังจากที่ได้รู้จักชนิดของแผลเป็นไปแล้วก็ควรต้องเอกวิธีการรักษาแผลเป็นให้ถูกต้องด้วย เพื่อที่จะทำให้แผลเป้นของเรานั้นจางลงและหายไปโดยได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ การรักษาแผลเป็นด้วยวิธีธรรมชาติอาจจะต้องใช้เวลานาน แต่เมื่อทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำย่อมได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน แถมยังปลอดภัยต่อผิวมากกว่าการใช้ครีมหรือการทำเลเซอร์ แต่ถ้าใครที่ต้องการรักษารอยแผลเป็นแบบเร่งด่วน การทายาหรือการเลเซอร์ลบรอยแผลเป็นก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำให้แผลเป็นหายได้รวดเร็ว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความเหมาะสมของแต่ละบุคคลอีกด้วย