โทนเนอร์เป็นอีกหนึ่งไอเทมดูแลผิวหน้าที่หลายๆคนมักมองข้าม และคิดว่าไม่จำเป็น วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับโทนเนอร์ไอเทมสำคัญอีกหนึ่งอย่างในการดูแลใบหน้าให้มากขึ้น พร้อมกับแนะนำโทนเนอร์มาแรงแห่งปีให้ทุกคนหลังรู้ความสำคัญของโทนเนอร์แล้วไปตำกับแบบจุกๆไปเลย
โทนเนอร์คืออะไร
โทนเนอร์ (Toner) เป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ที่ช่วยในเรื่องการปกป้องสมดุล ph ให้แก่ผิวหน้าของเรา ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ทำให้ผิวของเราแข็งแรง ปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าอีกด้วย
ประเภทของโทนเนอร์
โทนเนอร์สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท หลายๆคนอาจจะเคยเจอโทนเนอร์ที่มีสรรพคุณหลากหลาย และทำให้งงว่าควรใช้โทนเนอร์แบบไหนดีที่เหมาะกับเรา ซึ่งสามารถเช็คได้ดังต่อไปนี้เลย
1. โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Toner)
โทนเนอร์ประเภทนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าบนใบหน้า ช่วยลดจุดด่างดำ และปรับผิวให้มีความกระจ่างใสขึ้น
2. โทนเนอร์เติมน้ำให้ผิว (Hydrating Toner)
โทนเนอร์ประเภทนี้จะทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น เพราะจะเข้าไปเติมน้ำให้ผิว และช่วยกักน้ำไม่ให้ระเหยออกจากผิวอีกด้วย
3. โทนเนอร์ปกป้องสมดุลผิว (Healing/pH Balancing Toner)
โทนเนอร์ประเภทนี้จะช่วยรักษาสมดุล pH บนใบหน้า เหมาสำหรับผู้แพ้ง่าย หรือต้องเจอมลภาวะภายนอกเยอะๆ
โทนเนอร์ควรใช้ตอนไหน
โทนเนอร์ควรใช้เช็ดหน้าหลังจากล้างทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าไปเปิดรูขุมขนให้พร้อมรับสารบำรุงผิวหน้าในขั้นตอนถัดไป และจะทำให้สารบำรุงผิวหน้าอื่นๆ เข้าไปบำรุงผิวหน้าของเราอย่างล้ำลึกนั่นเอง
ความสำคัญของโทนเนอร์
โทนเนอร์มีความสำคัญต่อการดูแลใบหน้าอย่างมาก ซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เรามาดูความสำคัญของโทนเนอร์กัน ว่าทำไมทุกคนควรใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้า
1. ให้ความชุ่มชื้นผิวหน้า
โทนเนอร์เป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้า และทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป
2. ช่วยปรับค่าสมดุล pH บนใบหน้า
โทนเนอร์ช่วยรักษาสมดุลค่า pH และช่วยปรับสภาพผิว ทำให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
3. ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระชับรูขุมขน
โทนเนอร์มีส่วนประกอบที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกได้ง่ายดาย และช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงอีกด้วย
4. ช่วยให้เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่น
โทนเนอร์มีส่วนช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดโอกาสการเกิดริ้วรอย
5. ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
โทนเนอร์จะมีสูตรที่ช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหน้ามากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวมีความแข็งแรง หน้ายกกระชับขึ้น
ผิวเราเหมาะกับโทนเนอร์แบบไหน
สภาพผิวของคนเรานั้นมีหลายแบบมาก ไม่ว่าจะ ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวธรรมดา ดังนั้นหากจะควักกระเป๋าตังค์เลือกใช้โทนเนอร์สักตัว ก็ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา เอาแบบที่ว่าใช้เสร็จละหน้าของเราจะปัง จะปั๋ว จะดูดีกันเลย มาดูกันเลยจ้า ว่าผิวแบบไหน เหมาะกับโทนเนอร์แบบไหนดี
- ผิวแห้ง
หากเช็ค หากส่องดูแล้ว ผิวของเรามีความแห้ง ข้ามกร้าน ความขาดน้ำ มีการประสบปัญหาผิวแห้ง แนะนำให้เลือกโทนเนอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า และควรจะเลือกเป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อีกด้วยนะ เพราะโทนเนอร์ประเภทนี้จะช่วยเพิ่มความฉ่ำโบ๊ะให้ผิวของเรา ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน
- ผิวมันหรือผิวผสม
หากมีสภาพผิวที่มีความันมันหรือดูเป็นผิวผิวผสม ซึ่งสภาพผิวแบบนี้เป็นผิวที่มีโอกาสเกิดสิวได้ง่ายกว่าสภาพผิวประเภทอื่นๆ การเลือกใช้โทนเนอร์และเลือกประเภทของโทนเนอร์จึงมีความจำเป็นอย่างมาก และควรเลือกโทนเนอร์ที่มีการบอกคุณสมบัติในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้า เพราะจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวให้กับใบหน้าของเรา อีกทั้งยังช่วยคุมมันได้อีกด้วยจ้า
- ผิวธรรมดา
สำหรับใครที่เช็คสภาพผิวดูแล้ว และเรามีผิวธรรมดา ไม่มีความันมัน ไม่มีการแห้งกร้าน เรียกได้ว่าเราเป็นคนค่อนข้างโชคดีรวามกับชาติที่แล้วทำบุญถวายดอกบัวหมดบ่อมาเลย เพราะสภาพผิวธรรมดานี้สามารถใช้โทนเนอร์ได้ทุกสูตร
10 โทนเนอร์มาแรงแห่งปี 2023
หลังจากได้รู้ความสำคัญของโทนเนอร์สำหรับผิวหน้าแล้ว วันนี้เราได้รวบรวม 10 โทนเนอร์มาแรงแห่งปี ให้ทุกคนได้ไปตำกันแบบจุกๆ มาดูแลผิวหน้าให้ดียิ่งกว่าเดิมเลย
1. Bioderma Sebium Lotion
โทนเนอร์น้ำตบ เนื้อใส ซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว นำเข้าจากฝรั่งเศส มีส่วนช่วยในการคุมมัน ลดการเกิดสิว ช่วยปรับสมดุลน้ำมันบนผิว ต้องบอกเลยว่าเป็นโทนเนอร์ที่เหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหาผิวมัน เป็นสิว และโทนเนอร์ตัวนี้ยังมาพร้อมกับส่วนผสมบำรุงผิวที่หลากหลาย เช่น วิตามินบี 6 BHA Zinc Agaric Acid ซึ่งจะช่วยในเรื่องคุมมัน ผลัดเซลล์ผิว และกระชับรูขุมขน พร้อมทั้งช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานถึง 8 ชั่วโมงเลย
พิกัด bioderma
ราคา 800 บาท
2. Eucerin Dermatoclean Clarifying Toner
โทนเนอร์ตัวนี้เป็นสูตรน้ำ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ผสมน้ำหอม เนื้อสัมผัสของโทนเนอร์จะมีความใสๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก และเติมออกซิเจนสู่ผิวได้ถึง 200 เท่า สำหรับสาวๆที่มีปัญหาแพ้ง่าย ปัญหารูขุมขนกว้าง เหมาะกับโทนเนอร์ตัวนี้อย่างยิ่ง
พิกัด ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
ราคา 700 บาท
3. Laneige Fresh Calming Toner
โทนเนอร์ตัวดังจากประเทศเกาหลี มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูสภาพผิว คิดสมดุลให้แก่ผิวและคงความชุ่มชื้นในผิวได้ยาวนาน อีกทั้งยังช่วยรักษาสมดุลระหว่างน้ำกับน้ำมันบนผิวอีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนผิวมัน ขาดน้ำ หรือผิวที่โดนทำร้ายมา
พิกัด ร้านรับพรีออเดอร์
ราคา 1,050 บาท
4. Pixi Glow Tonic Exfoliating Toner
โทนเนอร์ตัวดังนำเข้าจากประเทศอังกฤษ ที่มีส่วนผสมของอโลเวร่าและโสม เป็นโทนเนอร์เนื้อน้ำสีส้มใส มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ผสมแอลกอฮอล์ มีคุณสมับัติช่วยปรับให้สีผิวกระจ่างใสขึ้น ช่วยลดจุดด่างดำ ลดการอุดตันในชั้นผิว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวมัน มีสิวผด สิวอุดตัน
พิกัด sephora
ราคา 1,230 บาท
5. Kiehl's Calendula Herbal-Extract Toner
โทนเนอร์สุดคลาสสิคของแบรนด์นี้ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และมีดอกดาวเรืองแท้ผสมอยู่ในขวดโทนเนอร์ แบบบรรจุลงขวดด้วยมือกันเลย โทนเนอร์ตัวนี้ช่วยให้ผิวผ่อนคลาย ปรับสภาพผิว และดอกดาวเรื่องยังมีส่วนช่วยลดการอักเสบระคาบเคือง อีกทั้งยังชะลออายุของผิวอีกด้วย เนื้อสัมผัสของตัวนี้จะเป็นเนื้อนำสีเหลืองอ่อนๆ และมีดอกดาวเรืองแท้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวอักเสบ และอยากมอบความผ่อนคลายให้แก่ผิว
พิกัด kiehls
ราคา 1,050 บาท
6. Clarins Gentle Exfoliator Brightening Toner
โทนเนอร์ตัวนี้มีสารสกัดจากมะขาม ที่จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิว และขจัดเซลล์ผิดเก่าไม่ให้อุดตันตามรูขุมขน ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส และปรับสมดุลให้แก่ผิวหน้าของเรา มีส่วนผสมของ AHA, BHA จากธรรมชาติ ที่มีความอ่อนโยนต่ผิวสูง จึงไม่ต้องกังวลว่าสารสกัดจะกัดผิวหน้าของเรา มีเนื้อสัมผัสใส ไม่เหนะหนะ เช็ดลงบนผิวหน้าจะให้ความรู้สึกผิวหน้านุ่มอ่อนโยน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวคล้ำ สิวอุดตัน และรูขุมขนกว้าง
พิกัด เคาน์เตอร์แบรนด์ Clarins ทุกสาขา
ราคา 1,286 บาท
7. Thayers Witch Hazel Alcohol Free Toner (Unscented)
โทนเนอร์ตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบนด้วย ให้ผิวได้สัมผัสกับสารสกัดอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีสารสกัดที่อ่อนโยนจากธรรมชาติ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นสิว ผิวแพ้ง่าย และยังช่วยลดการอักเสบ พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เนื้อสัมผัสของโทนเนอร์ตัวนี้จะเป็นเนื้อนำ สีใส ไม่มีกลิ่น เมื่อเช็ดลงไปบนผิวจะให้ความรู้สึกอ่อนโยน
พิกัด watsons
ราคา 690 บาท
8. Fresh Rose Deep Hydration Facial Toner
โทนเนอร์กุหลาบตัวดังจากแบรนด์นี้ ที่มีส่วนผสมทั้งน้ำกุหลาบ น้ำมันดอกกุหลาบ และสารสกัดจากผลกุหลาบ นอกจากกุหลาบแล้วก็ยังมีสารสกัดอื่นๆที่จะมาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอีกด้วย ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ รูขุมขนเรียบเนียน และมอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิวยาวนานถึง 6 ชั่วโมงไปเลย เนื้อสัมผัสของโทนเนอร์จะเป็นเนื้อน้ำ สีเหลือง และมีกลีบกุหลาบแท้ผสมอยู่ในเนื้อโทนเนอร์อีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนผิวแห้ง ผิวมัน ผิวขาดน้ำ
พิกัด sephora
ราคา 1,900 บาท
9. La Roche Posay Effaclar
โทนเนอร์เนื้อโลชั่นสำหรับแก้ปัญหาสิวบนใบหน้า ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ลดความมันบนใบหน้าและยังช่วยลดความมันที่อาจะเกิดขึ้นระหว่างวันอีกด้วย โดยมีเนื้อสัมผัสเหมือนเนื้อโลชั่น และเทลงบนฝ่ามือก่อนจะตบโลชั่นไปให้ทั่วใบหน้า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวมัน และมีปัญหาสิวต่อเนื่อง
พิกัด www.watsons.co.th/ลา-โรช-โพเซย์-เอฟฟาคลาร์-ดูโอ-7.5-มล./p/BP_286802
ราคา 210 บาท
10. La Mer The Tonic
โทนเนอร์จากแบรนด์ดังอย่าง La Mer ตัวนี้จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผิวและยังช่วยปรับสภาพผิวอีกด้วย มีส่วนผสมจากสารสกัดของสาหร่ายเคลป์ที่ทางแบรนด์ได้เคลมไว้ว่าเป็นสาหร่างเคลป์จากมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเนื้อสัมผัสจะเป็นเนื้อน้ำ สีส้มอ่อนๆ มีกลิ่หอมอ่อนๆ ช่วยให้ผิวผ่อนคลาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีปัญหาผิวคล้ำเสียสะสม และผิวแห้ง
พิกัด lamer
ราคา 4,600 บาท
โทนเนอร์อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่เราหลายๆคนมักมองข้ามเพราะคิดว่าไม่จำเป็น วันนี้หวังว่าทุกคนจะได้รู้ถึงความสัมคัญของเจ้าโทนเนอร์ตัวนี้แล้วนะคะ ว่าน้องเค้ามีเพื่อช่วยให้ผิวของเราสามารถรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ รู้อย่างนี้แล้วรีบกดสั่งน้องมาเช็ดหน้ากันด่วนๆเลยจ้า