ปัญหาส้นเท้าแตกคงเป็นปัญหาที่กำลังกวนใจสาวๆอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ ใส่รองเท้าอะไรก็ไม่มั่นใจ เดินหรือวิ่งแค่ขยับตัวก็เจ็บแล้วแถมยังทำให้ไม่มั่นใจต้องใส่รองเท้าผปิดส้นเท้าที่แห้งแตกอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าทำอะไรมาส้นเท้าถึงแตก แล้วจะดูแลได้อย่างไร เวลาเดินจะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น วันนี้เราได้รวบรวมสาเหตุของปัญหาส้นเท้าแตกรวมถึงวิธีการดูแลรักษาไม่ให้ส้นเท้าแตก และได้รวบรวมครีมทาส้นเท้าแตกมาให้ทุกคนได้ดูกันค่ะ จะทำอย่างไรให้ส้นเท้านั้นกลับมาเนียนนุ่มอีกครั้งทำให้มั่นใจและกล้าโชว์ส้นเท้าไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป ไปดูกันเลยค่ะว่าจะมีวิธีไหนบ้าง
สาเหตุส้นเท้าแตกเกิดจากอะไรบ้าง?
กรรมพันธุ์
สาเหตุอันแรก อาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ เช่นกันที่เป็นคนผิวแห้งผิวหนังกำพร้าชั้นขี้ไคลของฝ่าเท้าจะหนามาก และมีการสูญเสียน้ำจากผิวมากกว่าปกติทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ เลยเป็นสาเหตุของการที่ส้นเท้าแตกขึ้นมาค่ะฃ
อายุมากขึ้น
อายุที่มากขึ้นอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกได้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นนั่นจะส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตก อายุก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ผิวพรรณของร่างกายเหมือนกันค่ะ
โรคต่างๆ
หรือหลายคนอาจจะมีปัญหาโรคอื่นๆที่ทำให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการของโรคคออักเสบเรื้อรังซึ่งมักจะมีอาการข้ออักเสบที่อื่นร่วมด้วย เช่นโรคคออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคข้อ สันหลังอักเสบยึดติด โรคเบาหวาน คนไหนที่เป็นโรคเบาหวานแล้วมีการควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดีจะส่งผลให้ความยืดหยุ่นของเส้นเอ็นและผังผืดที่ฝ่าเท้าลดลงจนสามารถเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ ส้นเท้าแตกนั่นเองค่ะ
น้ำหนักตัว
การที่มีน้ำหนักตัวมากจนเกินไป เพราะน้ำหนักนั้นมีผลโดยตรงกับส้นเท้าเพราะ เซนเท่านั้นต้องรับภาระหนักขึ้นเมื่อมีน้ำหนักมากขึ้นนั่งเท้าจะเริ่มหนาวมากขึ้นเรื่อยๆและมีโอกาสแตกได้ง่ายมากกว่า คนที่น้ำหนักน้อย ทำให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกได้ ดังนั้นควรควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้มากจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้ ส้นเท้าแตกได้
ยืนนานๆ การยืนหรือเดินเป็นเวลานานๆ
เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาส้นเท้าแตกเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเป็นประจำส้นเท้าจะเกิดการกระแทกหลายครั้งเช่นนักวิ่งหรือนักเต้น สามารถทำให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกได้ เมื่อยืนเป็นเวลานานๆหรือเดินมากจนเกินไป
ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม
การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นรองเท้าเปิดส้นรองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าที่ไม่มีคุณภาพนั้น พื้นของรองเท้านั้นใจแข็งมากจนเกินไป ทำให้เป็นต้นเหตุของ ปัญหาส้นเท้าแตกได้ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแตะคีบรองเท้า ฟองน้ำ รองเท้าแตะสาน ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ เกิดปัญหาส้นเท้าแตก จนกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ทุกคนไม่มั่นใจ
เดินด้วยเท้าเปล่าบ่อยๆ
อีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ส้นเท้าแตกนั้น ก็คือการที่ เดินด้วยเท้าเปล่าบ่อยๆ ไม่ว่าจะเดินบนพื้นปูนพื้นดินพื้นบ้านหรือพื้นที่แข็งแข็ง โดยการไม่สวมรองเท้านั้น เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตก เพราะ ส้นเท้า นั้นได้สัมผัสกับพื้นโดยตรง ไม่มีอะไรมารองรับ หรือป้องกัน ทำให้เกิดปัญหา ส้นเท้าแตกได้มากกว่า คนที่สวมใส่รองเท้าอย่างเป็นประจำ
การสวมรองเท้าที่ขนาดไม่พอดีกับเท้า
เช่นกันที่ ใส่รองเท้าคับหรือหลวมมากจนเกินไปเป็นเวลานานๆ อาจจะทำให้เกิดอาการบวมแดง หรืออักเสบหากปล่อยให้นานไปนั้น อาจจะเกิดปัญหาส้นเท้าเริ่มหนาขึ้น และอาจจะส่งผลให้ส้นเท้าแตกได้ ดังนั้นการเลือกขนาดของรองเท้านั้น ก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน
14 วิธีแก้ส้นเท้าแตก
1.ครีมแก้ส้นเท้าแตก
การทาครีมนั้นจะช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตกได้ เพราะครีมมีมอยเจอไรเซอร์ชนิด เข้มข้น ที่จะช่วยฟื้นฟูและบำรุง ผิวเท้า ให้กลับมานุ่มชุ่มชื้นได้อีกครั้ง โดยการใช้นั้นให้ทาถูกนวดบริเวณเท้าและส้นเท้าเป็นประจำหลังจากที่ขัดเท้าหรือก่อนนอน และสวมถุงเท้าทับทุกครั้งหลังทาเสร็จ ส่วนใหญ่แล้วครีมทาส้นเท้าแตกนั้นจะมีส่วนผสมของยูเรียที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และสามารถช่วยบรรเทาอาการส้นเท้าแตกให้ดีขึ้นได้ ซึ่งครีมทาส้นเท้าแตกนั้นมีอยู่หลายยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับว่าสาวๆนั้น จะเลือกแบบไหน มีครีมที่ขายในท้องตลาดมากมาย ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ส้นเท้าของสาวๆ นั้นกลับมานุ่มชุ่มชื้นได้อีกครั้ง ยกตัวอย่างครีมทาส้นเท้าแตก เช่น Himalaya foot care cream , SEBAMED CRACKED HEEL BALM , SHISEIDO UREA 10 % hand cream and feet เป็นต้น
2.วาสลีน
วาสลีนหรือปิโตรเลียมเจล เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถกู้ ส้นเท้าที่แตกให้กลับมาเนียนนุ่มได้อีกครั้งนึง เพราะวาสลีนนั้น มีส่วนผสมที่สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณ แถมเป็นอีกวิธีที่สามารถช่วย ประหยัดงบ เป็นวิธีที่ง่ายๆเพียงแค่ทาวาสลีน ก่อนนอนเป็นประจำ ก็สามารถช่วย คืนความชุ่มชื้นให้กับผิว แถมยัง ช่วย บรรเทาอาการส้นเท้าแตกได้อีกด้วย
3.รักษาส้นเท้าแตกด้วยมะนาว
การรักษาส้นเท้าแตกโดยมะนาวนั้นสามารถทำได้ หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการที่นำเท้าไปแช่ในน้ำมะนาวผสมกับน้ำสะอาด โดยให้แช่ทิ้งไว้ประมาณสิบนาที ทำสัปดาห์ละครั้ง เท่านี้ก็ช่วยบรรเทาอาการส้นเท้าแตกได้ หรือจะเป็นวิธี ที่นำ มะนาวไปผสมกับ กรีสลีน จากนั้นให้นำมาทาส้นเท้าก่อนนอนทุกครั้ง และ สวมถุงเท้าทับ เท่านี้ก็สามารถช่วยรักษาอาการส้นเท้าแตกได้ แถมยังช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย
4.ใช้เบกกิ้งโซดาในการรักษาส้นเท้าแตก
วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆสามารถทำได้เองที่บ้านเพียงแค่นำเบกกิ้งโซดา3ส่วน น้ำเปล่าอีก 1 ส่วนมากผสมกับน้ำตาลทรายแดงหนึ่งส่วนจากนั้นนำมาสครับให้ทั่วเท้าทิ้งไว้ประมาณ 10 ถึง 15 นาทีหลังจากนั้นให้หลังออกหลังจากนั้นให้นำเบกกิ้งโซดาสองช้อนโต๊ะใส่ลงน้ำอุ่นและแช่เท้าอีก 15 นาทีเท่านี้ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการส้นเท้าแตกได้แล้วเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายง่ายที่สามารถทำได้ที่บ้านอุปกรณ์สามารถหาได้ง่าย
5.น้ำมันมะกอก
อีกวิธีหนึ่งที่ง่ายง่าย เพียงแค่นำน้ำมันมาก มาทาบริเวณ ส้นเท้า นวดวนไปประมาณสิบห้านาที โดยไม่ต้องล้างออก ก็ช่วยๆสามารถรักษาส้นเท้าแตกได้เหมือนกัน เพราะน้ำมันมะกอกจะช่วยให้ผิวนั้นนุ่มชุ่มชิ้นมากยิ่งขึ้น ช่วยรักษาอาการส้นเท้าแตกได้
6.หินและที่ขัดเท้า
หินขัดเท้า เป็นอีกวิธีหนึ่งที่อาจจะไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่จะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพียงแค่น้ำหินขัดเท้า มาขัดเท้า บริเวณส้นเท้า สัปดาห์ละ หนึ่งถึงสองครั้ง ก็จะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นและลดปัญหาการ ส้นเท้าแห้งแตกได้ ซึ่งหินขัดเท้าและที่ขัดเท่านั้น มีให้เลือกซื้อ หลายชนิดและหลายยี่ห้อ เป็นอีกหนึ่งไอเท็ม ที่สาวๆที่มีส้นเท้าแห้งกร้าน ควรมีติดบ้านไว้ค่ะ
7.ถุงลอกเท้า
ถุงลอกเท้า ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่สามารถ ช่วยรักษาอาการส้นเท้าแตกได้ เช้านั้นจะเป็นแผ่นมาส์กเท้า ที่เป็นถุงพลาสติก ที่ผ่านการแช่สารขัดผิวมีส่วนผสม ที่ช่วยบำรุงผิวและมีสารให้ความชุ่มชื้นช่วยสลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้เท้ากลับมานุ่มชุ่มชื้นอีกครั้ง จุดประสงค์ของแผ่นมาส์กนั่นคือออกแบบมา เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้ออกไปเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ ส้นเท้าที่แห้งแตกสามารถกลับมาเนียนนุ่มได้อีกครั้ง
8.ใช้เปลือกกล้วยและน้ำผึ้ง
เพียงแค่นำเปลือกกล้วยหอม มาผสมกับน้ำผึ้ง และให้ ใช้เปลือกกล้วยนั้นมาถูบริเวณส้นเท้าที่แตก โดยถูกไปมาแล้วทิ้งไว้ประมาณสิบห้านาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง หรือ ทำทุกวันติดต่อกันประมาณสี่ถึงห้าวัน ก็สามารถช่วยให้ผิว บริเวณส้นเท้ากลับมาเนียนนุ่มได้อีกครั้ง เพราะในเปลือกกล้วยมี กรดของผลไม้ และในเปลือกกล้วยนั้นยังมีสารอาหารที่จะ ช่วยลอกผิวและสมานส้นเท้าที่แห้งแตก ให้กลับมาเนียนนุ่มได้อีกครั้ง
9.แช่เท้าในน้ำอุ่น
การแช่เท้าในน้ำอุ่นนั่นเป็นวิธีง่ายๆเพียงแค่ นำเท้าไปแช่ในน้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณสิบห้านาที จากนั้นให้นำหินสำหรับขัดเท้ามาถูบริเวณรอยแตกเบาๆเพื่อที่จะช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่แห้งตาย ไปแล้วให้หลุดลอกออกมา ห้ามใส่แปรงเด็ดขาดเพราะจะทำให้รอยแตกนั้นยิ่งกว้างมากขึ้น เมื่อทำเสร็จแล้วให้ล้างเท้าให้สะอาดเช็ดเท้าให้แห้งหลังจากนั้นทาครีมบำรุงส้นเท้า เท่านี้ก็จะสามารถ ช่วยส้นเท้า แห้งแตกได้น้อยลงแล้วค่ะ
10.แว้กเท้าด้วยพาราฟิน
วิธีนี้ทำได้ง่ายเพียงแค่นำพาราฟินมาผสมกับน้ำมันเมล็ด มัสตาร์ด จากนั้นให้นำมาทางบริเวณส้นเท้าที่มีรอยแตก และแห้งกร้าน สามารถทาทิ้งไว้ข้ามคืนและล้างออกในตอนเช้าได้ โดยทำติดต่อกันต่อเนื่องประมาณสิบถึงสิบห้าวัน ก็จะสามารถช่วยให้เท้ากลับมานุ่มชุ่มชื้น และยังสามารถช่วยลดรอยแตก และลดผิวที่แห้งกร้านได้อีกด้วย
11.ยางมะละกอ
วิธีนี้เป็น วิธี ง่ายๆตามพื้นบ้าน สำหรับใครที่ปลูกต้น มะละกอ ให้นำก้านของมะละกอ หักตรงขั้ว ให้มียางของมะละกอไหลออกมา หลังจากนั้นให้เราใช้ยางมะละกอ มาทาบริเวณส้นเท้าที่แตกก่อนนอนทุกคืน ก็จะช่วยบำรุงส้นเท้า และช่วยสมานรอยแตกบริเวณส้นเท้าทำให้รอยแตกนั้นค่อยๆจางหายไป เป็นวิธีง่ายๆอีกหนึ่งวิธี ที่น่าลองค่ะ
12.Foot scrub
หรือสครับแบบมีเม็ดบีท เพียงแค่นำมาใช้ ขัดนวดบริเวณเท้าตอนอาบน้ำ จะช่วยให้เท่านั้นดูนุ่ม และช่วยให้หนังที่ตายแล้ว หลุดลอกออกไปเอง ซึ่งตัวfoot scrub นั้น มีหลายแบรนด์ให้สาวๆได้เลือกเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับงบประมาณของสาวๆ และความต้องการที่สสสาวอยากได้ค่ะ โดยวิธีการนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ง่ายๆเพียงแค่ สครับเท้า บ่อยๆ ก็จะช่วย ให้รอยแตกนั้น ดูจางลง แถมยังช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย
13.น้ำสมุนไพรขัดเท้า
วิธีนี้ทำได้ง่ายเพียงแค่น้ำ มะขามเปียก ขมิ้นชั้น มะกรูด แอลกอฮอล์ มาผสมกัน โดยก่อนนำมาใช้นั้นให้ล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งหลังจากนั้นให้ท่านน้ำสมุนไพรบริเวณเส้นทางที่แตก โดยใช้แปรงสีฟันเก่าๆนำมาจุ่มและทาทิ้งไว้ประมาณสองถึงสามนาที หลังจากนั้นให้นำหินขัดส้นเท้า มาขัดถูบริเวณส้นเท้าที่แตกก็จะเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิว ที่ตายแล้วให้ออกไป เพียงทำอาทิตย์ละครั้ง ก็จะช่วย ทำให้ส้นเท้านั้นแห้งแตกน้อยลงค่ะ
14.แช่เท้าในน้ำสบู่
เพียงแค่แช่เท้า ในนามสบู่โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณสิบห้านาทีก็จะ สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวที่แห้งแตกหยาบกร้าน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้นิ่มลงได้ หลังจากนั้นให้ใช้วิธีการสครับเท้า ไม่ว่าจะเป็นตัวสครับเอง หรือว่าสาวๆจะทำเองก็ได้ค่ะ หลังจากนั้น ให้นำมานวดบริเวณส้นเท้า เท่านี้ส้นเท้าก็จะเนียนนุ่มขึ้น รอยแตกก็จะดูจางลงอีกด้วยค่ะ
วิธีดูแลและป้องกันไม่ให้ส้นเท้าแตก
1.ใส่ถุงเท้า
ควรใส่ถุงเท้าก่อนที่จะสวมใส่รองเท้าก่อนทุกครั้งเพื่อช่วยเพิ่มความสบายให้กับเท้า และช่วยลดอาการเสียดสี บริเวณส้นเท้าอีกด้วยค่ะ
2.รักษาน้ำหนักตัว
รักษาน้ำหนักตัวให้ ไม่หนักจนมากเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ ส้นเท้า ไม่แห้งแตก แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ
3.หลีกเลี่ยงการเดินหรือ ยืนเป็นเวลานาน
โดยเฉพาะการยืนบนพื้นที่ แข็ง เพราะจะทำให้เส้นทางนั้นต้องได้รับน้ำหนักมาก เป็นต้นเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตกได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเดินและการยืนเป็นเวลานานค่ะ
4.ไม่เดินเท้าเปล่า
ไม่ควรเดินเท้าเปล่าเวลาอยู่บ้านควรสวมรองเท้าสำหรับเดินในบ้านทุกครั้ง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เท้าเย็นจนขาดความชุ่มชื้น และยังเชื่อลดการกระแทกของส้นเท้ากับพื้นมากจนเกินไป
5 หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เท้าสัมผัสกับน้ำบ่อยๆหรือการแช่เท้าในน้ำเป็นเวลานาน
เพราะจะทำให้เท้าสูญเสียความชุ่มชื้น ดังนั้นเวลาจะเข้าห้องน้ำ หรือทำกิจกรรมอะไรที่ทำให้เท้าต้องเปียกน้ำ ควรรีบเช็ดให้แห้งทุกครั้งค่ะ
6.ควรเลือกรองเท้าที่มี ความพอดีกับเท้า
เพื่อไม่ให้รู้สึกคับหรือแน่นจนเกินไป เลือกรองเท้าที่มีพื้นที่ไม่แข็งมากเพื่อลดการกระแทกของส้นเท้า กับพื้นใน ขณะที่เดินหรือวิ่ง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับบทความที่เราได้รวบรวมมาให้ทุกคนอ่านในวันนี้ สาวๆรู้หรือเปล่าว่าสาเหตุ ของ ปัญหาส้นเท้าแตก นั้นอาจจะเกิดจาก พฤติกรรม ที่สาวๆทำใน ทุกวัน เช่นกันเดินไม่ สวมรองเท้า หรือการเดินหรือยืนเป็นเวลานาน หรือการที่ใส่รองเท้าคับหรือแน่นจนเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตกได้ หรือการปล่อยให้ผิวแห้งจนเกินไปหรือปล่อยให้น้ำหนักตัวมีมากจนเกินไป ก็ส่งผลกระทบต่อส้นเท้าได้ ดังนั้นวิธีการดูแลรักษาง่ายๆ เพียงแค่รักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวอยู่เสมอ ไม่เดินหรือยืนเป็นเวลานาน เวลาเดินให้สวมรองเท้าเพื่อลดการกระแทก เท่านี้ก็ จะช่วยให้ ส้นเท้าไม่แห้งแตกได้แล้วค่ะ สำหรับใครที่มีปัญหาส้นเท้าแห้งแตกอยู่วันนี้ เราก็ได้รวบรวม วิธีการแก้ส้นเท้าแตก มาให้ทุกคนได้ดูกันค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ