เปิดวิธีดูแลผิวฉบับสาวผิวแห้ง
เข้าเดือนธันวาคมอากาศก็เริ่มเย็นลงบ้างแม้จะเป็นเมืองร้อนอย่างประเทศไทย เมื่ออากาศเริ่มหนาวปัญหาที่สาวๆหลายคนหรือหนุ่มๆเจอก็คือผิวแห้ง วันนี้เราจะพาไปดูวิธีดูแลผิวฉบับคนผิวแห้งกัน แต่ก่อนจะไปเปิดดูวิธีดูแลผิวเราจะต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าผิวแห้งมีลักษณะอย่างไร และเกิดจากอะไร ปัญหาผิวแห้ง หมายถึง อาการผิวแห้งหยาบกร้าน มองเห็นร่องของผิว ในบางรายที่มีอาการมากผิวหนังอาจมีอาการแดงลอกเป็นขุย แตกลาย โดยมักพบบริเวณ แขน ขา และมือ นอกจากนี้ยังมีอาการแสบคัน การเกาอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังได้อีกด้วย
โดยปัญหาผิวแห้งเกิดจากการผลิตน้ำในผิวหนังชั้นหนังกำพร้าลดลง ผิวขับน้ำมันออกมาน้อยเกินไป จนทำให้ขาดความชุ่มชื้น โดยปัจจัยที่มีผลทำให้เกิดภาวะผิวแห้ง ได้แก่ เพศ อายุที่มากขึ้น โรคผิวหนัง พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น อากาศที่แห้งและเย็น การอยู่ในห้องแอร์ที่อากาศเย็นจัดเป็นเวลานาน ๆ อาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ หรือแม้กระทั่งใช้สบู่ที่มีฟองมากเกินไปก็เป็นสาเหตุให้ผิวแห้งกร้านได้เหมือนกัน สำหรับใครที่กำลังวิตกกังวลหรืออยากโชว์ผิวสวยใสไร้ความแห้งกร้าน ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากมีวิธีดูแลผิวที่ถูกวิธี
วิธีดูแลผิวฉบับสาวผิวแห้ง
1.หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น
แม้การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนจะช่วยให้กล้ามเนื้อและร่างกายผ่อนคลายจากการตึงเครียดมาทั้งวัน แต่การอาบน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนกับส่งผลเสียต่อผิวเพราะน้ำอุ่นจะชะล้างไขมันที่เคลือบผิวให้หลุดออกไป ส่งผลทำให้ผิวแห้งกร้าน และเกิดอาการคันได้ แต่ถ้าใครหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ลดอุณหภูมิลงไม่ให้น้ำร้อนจนเกินไป และใช้เวลาให้การอาบน้ำไม่เกิน 10-15 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันที่เคลือบผิวถูกทำลาย
2.เลือกสบู่ให้เหมาะกับสภาพผิว
สำหรับใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนผิวแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีค่า pHสูง โดยเฉพาะสบู่ก้อน แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้สบู่เหลวที่มีค่า pH อ่อน อย่างเช่น สบู่เหลวของเด็กแทน โดยสามารถสังเกตได้ว่าสบู่ชนิดนั้นมีค่า pH สูงหรือต่ำได้โดยหากเป็นสบู่ที่มีค่า pH สูงหลังการอาบน้ำผิวจะตึง และแห้งมาก แต่ถ้าเป็นสบู่ที่มีค่า pH ต่ำหลังการอาบน้ำผิวจะยังนุ่ม ลื่นและไม่แห้งจนเกินไป นอกจากนั้นยังไม่ควรเลือกใช้สบู่ที่มีฟองเยอะเพราะฟองของสบู่เกิดจากสารเคมีที่อาจส่งผลทำให้บางคนที่มีผิวที่เซนซิทีฟเกิดอาการผิวแพ้และแห้งได้
3. ทาครีมบำรุงผิว หรือชโลมออยล์ทันทีหลังอาบน้ำ
หลังอาบน้ำเสร็จให้ใช้ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าขนหนูซับผิวเบา ๆ ให้ยังเหลือความชุ่มชื้นอยู่ ไม่ควรเช็ดแรงเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผิวแห้งและอาจทำลายไขมันที่เคลือบผิวไว้ จากนั้นให้ทาครีมบำรุงผิวหรือออยล์ทันที วิธีนี้จะช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยควรเลือกครีมบำรุงผิวที่มีเข้มข้น หรือมีส่วนผสมหลักเป็นน้ำมัน และควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำไว้ที่ผิวได้นาน และทำให้ผิวไม่แห้งกร้านยังแลดูมีความชุ่มชื้นและทำให้ผิวดูแข็งแรง เต่งตึง ผิวเรียบเนียน ลดริ้วรอย และดูสุขภาพดีอีกด้วย
4. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับสาว ๆ ที่มีผิวแห้งมาก ควรจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์มากเป็นพิเศษ เพราะมอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิว เพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว และปกป้องไม่ให้น้ำในผิวระเหยออกไป โดยมอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีจะต้องมีคุรสมบัติ ดูดซึมได้ดี ออกฤทธิ์เร็ว และอยู่บนผิวหนังได้นานโดยไม่ต้องทาซ้ำหลายรอบ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีมอยส์เจอไรเซอร์เป็นส่วนผสมมีให้เลือกใช้ได้หลายรูปแบบ เช่น ครีม โลชั่น หรือแม้แต่สบู่เหลวอาบน้ำ สามารถเลือกใช้ได้ตามแต่ความชอบส่วนตัวและความเหมาะสมในการใช้ได้เลย เช่น สาวๆคนไหนที่ไม่ชอบทาครีมอาจจะเลือกใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์แทน แต่ทางที่ดีควรจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ทั้งตอนที่อาบน้ำและบำรุงผิว
5.บำรุงผิวด้วยผลไม้
ซึ่งสามารถทำได้โดยทั้งการรับประทานเพื่อทำให้ร่างกายได้รับวิตามินที่เป็นประโยชน์แล้ว ยังสามารถนำมาพอกผิวช่วยลดความแห้งกร้านและทำให้ผิวกลับมานุ่มชุ่มชื้นได้โดยตรงอีกด้วย โดยผลไม้ที่นิยมนำมาพอกผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นได้แก่
- กล้วยหอม เพราะกล้วยหอมมีโพแทสเซียมที่มีส่วนช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และเมื่อเลือดในร่างกายไหลเวียนดี ก็จะส่งผลให้ผิวของเราดูสุขภาพดีตามไปด้วย นอกจากนี้กล้วยยังมีส่วนช่วยลดปัญหาของสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสดูอ่อนเยาว์อีกด้วย
- มะม่วงสุก มะม่วงมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และมีวิตามินซี นอกจากนี้ยังมีสารจำพวกน้ำตาลร่วมกับอะมิโนแอซิดที่ช่วยคงความชุ่มชื้นไว้ที่ชั้นผิวหนัง และมีวิตามินเอที่ช่วยลดรอยเหี่ยวย่นและชะลอการเกิดกระบนผิวหนังอีกด้วย
- สับปะรด สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์และคุณค่าต่อร่างกายเป็นอย่างมาก อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมแล้วให้ออกไป เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่าเดิม โดยไม่ทำร้ายชั้นผิวให้เสียหายหรือบอบบาง รวมถึงบรรเทาอาการผิวไหม้แดดให้ผิวได้รับการปลอบประโลมกลับมาผิวชุ่มชื่นและรู้สึกสดชื่นอีกครั้ง
- มะละกอ อุดมไปด้วยวิตามินเอและเอนไซม์ปาเปน ที่จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยเติมความชุ่มชื้นต่อผิว นอกจากนั้นยังมีวิตามินเอสูง บำรุงผิวพรรณ ลดความหยาบกร้านของผิว ส่วนวิตามินซีในมะละกอ ช่วยในการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง มีสารป้องกันการฟกช้ำ นอกจากนี้เอนไซม์ในมะละกอยังช่วยกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว ช่วยให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออก ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส และช่วยซ่อมแซมคอลลาเจน ความยืดหยุ่นของผิว เพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัย
- แตงโม ในแตงโมมีวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการผลิตไขมัน มีส่วนช่วยให้ผิวชุ่มชื้น นอกจากนั้น ยังมีวิตามินเอที่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายอีกด้วย
ซึ่งผลไม้เหล่านี้จะสามารถทำให้ผิวแห้งกร้านกลับมาเรียบนุ่ม และชุ่มชื้นอีกครั้ง นับเป็นวิธีบำรุงผิวแห้งแบบเรียบง่าย และประหยัดสุด ๆ
6. นวดผิวด้วยน้ำมันมะพร้าวแบบไทย ๆ หรือนวดด้วยน้ำมันจากเมล็ดโกโก้
โดยสามารถนวดในช่วงเวลาหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ หรือตลอดเวลาที่รู้สึกว่าผิวเริ่มแห้ง ขาดความชุ่มชื้นเพียงแค่นำมาชโลมและนวดลงบนผิวหนัง จะช่วยทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นนุ่มนวลขึ้น เพราะน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันโกโก้จะซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ง่าย ส่งผลให้ผิวหนังได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังผลัดเซลล์ใหม่ นอกจากจะช่วยลดปัญหาผิวแห้งได้แล้วยังแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย
7. ดื่มน้ำมาก ๆ
เป็นวิธีง่าย ๆ ที่คนผิวแห้งทั้งหลายควรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง เพราะเซลล์ผิวของคนเราสร้างขึ้นจากน้ำ 30% ซึ่งถ้าเราดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมน้ำก็จะช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่นและฟื้นฟูสภาพผิวได้ดียิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกันหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอก็จะเกิดภาวะการขาดน้ำ ซึ่งส่งต่อผิวของเราในระยะยาว เพราะจะทำให้ผิวของเราเหี่ยวเร็วขึ้นและมีคอลลาเจนน้อยลง ซึ่งการมีปริมาณคอลลาเจนในผิวน้อยลงจะทำให้ผิวไม่กลับมานุ่มอีกนั่นเอง ดังนั้นควรดื่มน้ำให้ได้อย่างต่ำวันละ 2 ลิตร หรือประมาณ 8-10 แก้ว เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยเฉพาะผิวหนังชั้นนอก (Stratum Corneum)
8.รับประทานอาหารเสริม
การขาดวิตามินอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้ง ดังนั้นการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ จะสามารถช่วยเสริมสร้างความสมดุลให้กับร่างกายและฟื้นฟูสภาพผิวแห้งให้กลับมาเนียนนุ่มอีกครั้งได้ โดยเฉพาะอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวอย่างวิตามินเอและวิตามินอี โดยวิตามินเอมีส่วนสำคัญในการรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง การขาดวิตามินเออาจทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้น หยาบกร้าน แห้งแตก โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณข้อศอก ตาตุ่มและข้อต่อต่างๆ ส่วนวิตามินอีเป็นสารอาหารที่ละลายในน้ำมันได้ดีจึงช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวสำหรับผิวแห้งและผิวที่เสียหาย โดยช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและรักษาความเสียหายของผิว นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของเกราะป้องกันผิว วิตามินอีมีคุณสมบัติต้านการอักเสบตามธรรมชาติทำให้ผิวระคายเคืองน้อยลง สาว ๆ จะพบว่าผิวของตัวเองเรียบเนียนและสดชื่นขึ้นหลังรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีวิตามินเอและวิตามินอี
เลือกสวมเสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพผิวและเหมาะสมกับสภาพอากาศ โดยถ้าหากเป็นหน้าร้อน อุณหภูมิสูงควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย และผ้าไหม จะช่วยลดการระคายเคืองผิวแทนการเลือกใส่ผ้าขนสัตว์ซึ่งถึงแม้จะมาจากธรรมชาติแต่ก็สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองได้โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแห้ง ส่วนในหน้าหนาวที่มีอุณหภูมิต่ำ ควรเลือกเสื้อผ้าที่มีความหนาและปกปิดผิวทั้งบริเวณแขนขาและลำตัวเพื่อกักเก็บไออุ่นและป้องกันผิวจากลมและอากาศที่แห้ง
10. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
มาถึงข้อสุดท้ายที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย แม้การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะเป็นวิธีที่ง่ายและอาจจะเรียกว่าประหยัดที่สุด แต่กลับเป็นวิธีที่จะขาดไปไม่ได้เลยในการดูแลผิว เพราะการนอนหลับพักผ่อน ทำให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซม ฟื้นฟู สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าในร่างกาย โดยการนอนหลับที่ดีควรนอนหลับสนิทอย่างน้อยคืนละ 7-9 ชั่วโมง มีวินัยในการเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลา ประจำสม่ำเสมอทุกวัน การนอนหงายเป็นท่านอนที่ทำให้มีริ้วรอยน้อยกว่าการนอนตะแคงและนอนคว่ำ เนื่องจากใบหน้าไม่รับแรงกดจากน้ำหนักศีรษะ ควรใช้หมอนนิ่มและปลวกหมอนที่สะอาดเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี และก่อนนอนควรล้างหน้าให้สะอาด เช็ดเครื่องสำอางให้หมดจด แล้วทาครีมบำรุงผิวให้ความชุ่มชื้นกับผิว
สรุปการดูแลผิวสำหรับคนผิวแห้งสามารถเริ่มทำได้ง่ายๆตั้งแต่ การนอนหลับให้เพียงพอ การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ไปจนถึงการหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น เลือกใช้สบู่และครีมบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น และการรับประทานอาหารเสริมเพิ่ม รวมถึงการเลือกใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและสภาพผิว หากสาวๆที่มีผิวแห้งคนใด สามารถปฏิบัติตัวได้ตามนี้ รับรองว่าจะต้องมีผิวที่ชุ่มชื่นและสุขภาพดีแน่นอนค่ะ