ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับ นั้นเป็นปัญหาหนักใจของสาวๆหลายคน เพราะใครก็อยากมีผิวหน้าที่เต่งตึงด้วยกันทั้งนั้น วันนี้เราเลยมี How to 7 วิธียกกระชับหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด มาฝากสาวๆกันค่ะ
ผิวหน้าหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร ?
ผิวหน้าหย่อนคล้อย และริ้วรอยบนใบหน้านั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในรวมถึงปัจจัยภายนอกร่างกาย ซึ่งปัจจัยภายในก็คือ อายุที่มากขึ้นจะทำให้ผิวหนังของเราบางลง และสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ในส่วนของชั้นหนังแท้ที่โดยปกติจะมีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างที่สำคัญ เมื่ออายุมากขึ้นจำนวนคอลลาเจนก็จะลดลง ทำให้สูญเสียความยืดหยุ่นไป ส่งผลทำให้เกิดความหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยได้ โดยมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้น อย่างเช่น แสงแดด ความเครียด และการสูบบุหรี่ เป็นต้น
ปัญหาผิวหย่อนคล้อยในแต่ละช่วงวัย มีอะไรบ้าง ?
อายุ 20+
ปัญหาผิวจะเกิดขึ้นตรงบริเวณชั้นผิวหนังแท้ โดยคอลลาเจน และอิลาสตินในชั้นผิวหนังแท้ ที่มีหน้าที่ช่วยทำให้ผิวหนังมีความเรียบตึง กระชับ และยืดหยุ่น เกิดการเสื่อมสลายไป และมีการสร้างใหม่ที่น้อยลง ทำให้ผิวเริ่มมีริ้วรอย และเกิดความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวหน้าดูไม่สดใสเหมือนวัยรุ่น
อายุ 30+
ปัญหาในชั้นผิวหนังแท้เริ่มมีมากขึ้น เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินนั้นได้ถูกทำลายมากขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับผิวชั้นนอกสุด หรือชั้นหนังกำพร้ามีการผลัดตัวที่ช้าลง ทำให้ผิวดูหยาบกร้านมากยิ่งขึ้น และเริ่มเห็นริ้วรอย รวมถึงความหย่อนคล้อยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อายุ 40+
พอเลข4 ชั้นผิวของเราจะเริ่มอ่อนแอมากยิ่งขึ้น ปัญหาผิวได้ลงลึกไปถึงชั้นไขมันโดยมีการเสื่อมสลายไป และไม่หนาแน่นเหมือนวัยเด็ก ทำให้ผิวเกิดการยุบตัว นอกจากนี้เนื้อเยื่อพังผืดที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันและกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่โอบอุ้มผิวให้มีความกระชับได้รูป เริ่มเสื่อมสภาพอ่อนแรงลง ทำให้การพยุงผิวแย่ลงส่งผลให้ใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย
อายุ 50+
วัยนี้ปัญหาผิวได้ลงลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ริ้วรอยยิ่งลึก ผิวหนังเริ่มบางลง รูปหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลง เพราะมีการหย่อนคล้อยมาก ทำให้โครงสร้างของใบหน้าอย่างกระดูกเกิดการยุบตัวลงตามธรรมชาติ ส่งผลทำให้บางคนมีรูปหน้าที่ไม่สมส่วน บางส่วนดูตอบ หรือดูบุ๋มลงไปนั่นเอง
How to 7 วิธียกกระชับหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด
เรื่องริ้วรอยบนใบหน้า ใบหน้าไม่กระชับ หย่อนคล้อย แม้จะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับผู้หญิงไม่ว่าจะช่วงวัยไหน ก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เกินแน่นอน โดยปัญหาต่างๆ เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วัยรุ่น ไปจนถึงวัยสูงอายุเลยทีเดียว วันนี้เราเลยมี How to 7 วิธียกกระชับหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด มาฝากกัน ไปดูกันเลย
1.การบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อนกระตุ้นคลอลาเจน
วิธีนี้จะคล้าย ๆ กับการนวดหน้า โดยมีวิธีการทำก็คือ การฝึกขยับใบหน้าโดยการใช้ปาก ให้ขยับปากเป็นลักษณะของตัวอักษรภาษาอังกฤษ A,E,I,O,U จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อตั้งแต่บริเวณใต้หูไปจนถึงปากแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อใบหน้าที่ได้รูปสวย และทำให้ใบหน้ากระชับได้เร็วขึ้น
2.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสารต้านอนุมูลอิสระ
ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้าให้ตรงจุด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่สามารถช่วยในการลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับใบหน้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถช่วยดูแลผิวของคุณให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นได้ นอกจากนี้ครีมบำรุงผิวหน้าบางชนิดยังผสมสารป้องกันแสงแดด ทำให้สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีอีกด้วย และควรเน้นทาบำรุงตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อผิวหน้าที่เรียบเนียน เต่งตึง กระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์ แต่การทาครีมนั้นก็เป็นเพียงการบำรุงแค่ภายนอกเท่านั้น ดังนั้นควรใช้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการนอนพักผ่อนที่เพียงพอด้วย
3.โยคะหน้า
โยคะหน้า หรือ Face yoga เป็นวิธีการบริหารใบหน้าแบบใหม่ ที่มีพื้นฐานมาจากโยคะ โดยวิธีทำเริ่มจากการบริหารหน้าโดยการขยับปากตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ และ ผสมผสานท่าโยคะ ยกมือ ยกแขน ประกอบกับการบริหารใบหน้าได้เลย วิธีนี้หากทำบ่อย ๆ จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าที่ดีขึ้น ช่วยให้ผิวโกลว์ ยกกระชับมุมปาก ลำคอ และ กรอบหน้าได้ดี ช่วยดีท็อกซ์ลดริ้วรอยรอบดวงตา ร่องแก้ม สามารถทำได้เช้าเย็น วันละ 5 นาที หรือจะเป็นท่าอื่นๆ เช่นท่า The Satchmo โดนการทำแก้มให้พองด้วยอากาศ จากนั้นโยนลมในปากสลับไปมาระหว่างแก้มซ้ายกับแก้มขวา จนกว่าอากาศจะหมด ทำซ้ำ 3 ครั้ง ช่วยกระชับแก้ม หรือท่า Smiling Fish Face ยิ้มในขณะที่ดูดแก้มและริมฝีปากเข้าหากัน ทำซ้ำ 5 ครั้ง จะช่วยยกกระชับแก้มและริมฝีปาก และอีกหนึ่งท่า คือท่า Bubblebees ให้สูดลมหายใจเข้าทางจมูก และค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกทางจมูกและปากในขณะที่ทำเสียงบรือออในลำคอไปด้วย ทำซ้ำ 4 ครั้ง จะช่วยกระชับแก้ม ริมฝีปาก และกราม การทำโยคะใบหน้าควรทำวันละ 15-20 นาที เพื่อยกระชับใบหน้า ทำให้หน้าเรียวเล็กขึ้น ช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย และทำให้ใบหน้าเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพที่ดี
4.นวดกระชับใบหน้า
วิธีนี้เป็นการยกกระชับใบหน้า เพื่อความเต่งตึงของผิว รวมถึงให้ความโกลว์แก่ผิวหน้าอีกด้วย โดยเริ่มการใช้น้ำมันบำรุงผิวจากธรรมชาติ ให้หลีกเลี่ยงการใช้ mineral oil เพราะจะก่อให้เกิดการอุดตัน อาจจะใช้เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ คลีนซิ่งบาล์ม ชโลมทั่วใบหน้า และลำคอ ประมาณ 1 ช้อนชา เพื่อเป็นกระตุ้นระบบไหลเวียนน้ำเหลือง และเริ่มนวดด้วยการนวดวน เริ่มจากคางขึ้นมาติ่งหู จากนั้นนวดบริเวณแก้ม โดยให้ไล่จากข้างปีกจมูกขึ้นไปจนถึงขมับ และเปลี่ยนมาใช้ปลายนิ้วทั้งสี่แตะหน้าผาก แล้วค่อย ๆ ลากผ่านขมับลงมาที่เบ้าตา แล้ววนผ่านสันจมูกขึ้นไปที่กลางหน้าผาก เสร็จแล้วให้ใช้ปลายนิ้วลูบลงตามแนวสันจมูกด้านบน และด้านข้างจมูกตั้งแต่สันจมูกลงมาจนถึงปีกจมูก ทำสลับกันทั้งซ้ายและขวา ทำประจำเช้าเย็น ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้ใบหน้าผ่อนคลาย และดูกระชับมากยิ่งขึ้น
5.โบท็อกยกกระชับใบหน้า
การฉีดโบท็อกก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยในการยกกระชับใบหน้าได้ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ง่ายได้รับความนิยมในการลดเลือนริ้วรอย การฉีดโบท็อกเพื่อยกกระชับใบหน้าคือการฉีดตัวยาเข้าไปในกล้ามเนื้อจุดที่ต้องการดึงหน้าลง พอโบท็อกออกฤทธิ์ในบริเวณนั้น กล้ามเนื้อก็จะหยุดทำงาน ทำให้ผิวด้านบนก็จะยกกระชับได้มากขึ้นนั่นเอง
6.ร้อยไหมยกกระชับใบหน้า
การร้อยไหมถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายๆคนสนใจที่จะทำเพื่อการยกกระชับใบหน้า เพราะหลังการร้อยไหมสามารถเห็นผลได้ในทันที โดยไหมจะทำหน้าที่เป็นเหมือนกับสลิงที่จะช่วยพยุงให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น ทำให้หน้ายกกระชับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่กลัวเข็มแล้วก็อยากเห็นผลลัพธ์เร็ว และการร้อยไหมยังช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น แก้ไขปัญหาแก้มหย่อนคล้อย รวมถึงช่วยลดริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัด หลังการร้อยไหมจะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงแม้การร้อยไหมก้างปลาจะสามารถทำแล้วเห็นผลได้ชัดเจนทันทีหลังทำ แต่ก็ควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
7.ใช้เทคโนโลยี Sygmalift Hifu ช่วยยกกระชับผิวและปรับรูปหน้า
Sygmalift Hifu ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมยกกระชับด้วยพลังสูงโดยพลังงานคลื่นที่ปล่อยออกมาจากเครื่องสามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความกระชับของผิวหน้า โดย Sygmalift มีการปล่อยพลังงานเป็น Fractional Beam ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA) ว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการช่วยฟื้นฟูได้ลึกถึงชั้นผิว รวมถึงยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายออก พร้อมสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยรักษาริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Sygmalift Hifu ช่วยแก้ปัญหาต่างๆได้ เช่น แก้ไขปัญหากรอบหน้าไม่เท่ากันเนื่องจากแก้มหย่อนคล้อน สาเหตุจากวัยและปัญหาคอลลาเจนใต้ผิว ,แก้ไขปัญหาคางสองชั้น เหนียง ให้กระชับขึ้น , แก้ไขปัญหาหน้าบาน หน้ามีแก้ม ไม่เรียว , แก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกให้กระชับ แก้ไขปัญหาริ้วรอยเล็กๆ , แก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำไม่สดใส ซึ่งการทำ Sygmalift Hifu จะช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ทันทีหลังทำประมาณ 10-20% หลังการทำ Sygmalift Hifu 3 ครั้งจะเริ่มเห็นผลชัดเจนว่าผิวกระชับขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น ไม่เจ็บ ไม่ระคายเคืองต่อผิว และไม่ต้องทำการผ่าตัดใหญ่เพื่อยกกระชับผิวหน้า ใช้เวลาทำครั้งละประมาณ 40-60 นาที มีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้น ทำแล้วสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลยทันทีอีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ How to 7 วิธียกกระชับใบหน้า หน้าได้รูปสวย โดยไม่ต้องผ่าตัด ที่เรานำมาฝากกัน อยากลองทำตามวิธีไหนก็ลองไปทำตามได้เลยนะคะ หรือใครอยากยกกระชับแบบรวดเร็วก็แนะนำปรึกษาคุณหมอกับการ โบท็อก ร้อยไหม หรือ การทำ Sygmalift Hifu ได้เลยค่ะ หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาจะถูกใจและเป็นตัวเลือกให้กับสาวๆได้นะคะ เพื่อใบหน้าที่เรียวสวย กระชับ ดูอ่อนกว่าวัย