การศัลยกรรมควรทำในช่วงอายุที่เหมาะสมเพราะเป็นช่วงที่กระดูกและเนื้อเยื่อคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างในบริเวณนั้นทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตามต้องการและถาวรแต่ถ้าเราทำศัลยกรรมในช่วงอายุที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดข้อเสียมากกว่าข้อดี วันนี้เราจึงมีข้อมูลอายุเท่าไหร่ศัลยกรรมได้แต่ละช่วงอายุเหมาะกับการทำศัลยกรรมประเภทไหน มาแนะนำให้สำหรับเพื่อนๆกันค่ะ
ช่วงอายุที่เหมาะสมในการทำศัลยกรรมในแต่ละส่วนของร่างกายและใบหน้า
การทำศัลยกรรมตา
กรณีการกรีดทำตาสองชั้น การเย็บชั้นหนังตา การเปิดหัวตาหรือหางตา การนำเนื้อหรือไขมันบริเวณหนังตาออกเพื่อให้สังเกตชั้นตาได้อย่างชัดเจน ควรทำในช่วงอายุ 18 ถึง 20 ปีขึ้นไป เพื่อจะลดโอกาสการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะบริเวณรอบดวงตาจะมีการเจริญเติบโตที่เต็มที่เมื่ออายุ 18 ปี และเมื่อดวงตาเจริญเติบโตเต็มที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้การทำศัลยกรรมดวงตาสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ไม่จางลงหรือเนื้อที่เติบโตขึ้นมาบดบังชั้นหนังตานั่นเอง
สำหรับปัญหาถุงใต้ตาไม่ว่าจะเป็นถุงใต้ตาใหญ่ถุงใต้ตาคล้ำเนื่องจากกรรมพันธุ์ควรทำศัลยกรรมถุงใต้ตาในช่วงอายุตั้งแต่ 19 ถึง 20 ปีดีที่สุดเพราะเป็นช่วงที่ถุงใต้ตามีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่เมื่อผ่าตัดเสร็จถุงใต้ตาจะไม่สามารถเพิ่มขนาดขึ้นในภายหลังและสำหรับปัญหาหนังตาตกผิวหนังเกิดการเหี่ยวยนต์เนื่องจากอายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตคอลลาเจ้นและอีลาสตินของผิวหนังน้อยลงผิวบริเวณหนังตาตึงหย่อนลงมาบดบังชั้นหนังตาหรือบดบังการมองเห็นของดวงตาสามารถทำศัลยกรรมเพื่อตัดส่วนของหนังตาที่หย่อนรวมถึงดึงตาควรทำตั้งแต่อายุ 45ปีขึ้นไป
การทำศัลยกรรมจมูก
การศัลยกรรมจมูกเป็นสิ่งแรกที่หลายคนต้องการที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเพื่อเสริมจมูกหรือการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของจมูกลงนั้นควรทำในช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่กระดูกโครงสร้างของจมูกมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ดังนั้นการทำศัลยกรรมจมูกจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงทั้งรูปทรงและลักษณะของจมูกทำให้รูปทรงของจมูกมีลักษณะที่เหมาะสมและสมดุลกับใบหน้า
การทำศัลยกรรมหน้าผาก
สำหรับใครที่อยากแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน ไม่เรียบ หรือหน้าผากแคบ การเสริมหน้าผากนั้นเป็นการนำวัสดุเข้าไปเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าผากซึ่งวัสดุที่นิยมนำมาใช้เช่น ซิลิโคนแผ่น และซีเมนต์เชื่อมกระดูก เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมหน้าผาก ควรทำในช่วงอายุ 18 ถึง 20 ปี เพราะช่วงอายุดังกล่าวกระดูกหน้าผากจะมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่เมื่อทำการเสริมหน้าผากจะทำให้ลักษณะของหน้าผากมีรูปทรงที่คงที่ส่วนการกรอหน้าผากสำหรับผู้ที่มีลักษณะสันโหนกคิ้วสูงหรือหน้าผากบางส่วนนั้นมีความสูงมากจนเกินไปทำให้ผิวไม่เรียบเนียน การกรอหน้าผากเพื่อเอากระดูกออกไปในบางส่วน เพื่อความสมดุลและเรียบเนียนควรทำในช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป และสำหรับการดึงหน้าผากและยกคิ้ว คือการดึงเนื้อบริเวณหน้าผากให้ตึงเพื่อลดรอยเหี่ยวย่น ควรทำตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป
เพื่อความคุ้มค่าและผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพราะช่วงอายุดังกล่าวผิวหนังบริเวณหน้าผากจะมีการเสื่อมสภาพทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นแบบถาวรและไม่สามารถรักษาด้วยการทาครีมจึงจัดเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมในการศัลยกรรมดึงหน้าผากและยกคิ้ว
การทำศัลยกรรมปาก
การทำศัลยกรรมปากเป็นการผ่าตัดเพื่อปรับปรุงลักษณะรวมถึงรูปร่างบางอย่างของปากให้เหมาะสมกับใบหน้าหรือตามความชื่นชอบของผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดริมฝีปากหนาให้บางลงการผ่าตัดยกริมฝีปากบนการเสริมขนาดของริมฝีปากให้หนานั้นควรทำในช่วงอายุ 18 ปีขึ้นไปดีที่สุด เพื่อให้ขนาดของริมฝีปากเติบโตเต็มที่ และทำให้รูปทรงของปากรวมถึงลักษณะของริมฝีปากได้รูปที่สวยงาม
การทำศัลยกรรมคาง
คางเป็นอวัยวะที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกและเนื้อเยื่ออย่างเต็มที่เมื่อมีอายุ 18 ปี การทำศัลยกรรมคาง ไม่ว่าจะเป็นการตัดคาง การเลื่อนเพื่อลดขนาดและปรับรูปล่างของคาง หรือการเสริมคางด้วยวัสดุเพื่อเพิ่มขนาดและความยาวของคาง เพื่อความสมดุลของสัดส่วนบนใบหน้า การที่กระดูกมีการเจริญเติบโตเต็มที่หลังการศัลยกรรมจะไม่เกิดการเคลื่อนที่จากตำแหน่งที่ทำ ดังนั้นการทำศัลยกรรมคางควรจะทำที่ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไปจึงจะดีที่สุด
การทำศัลยกรรมกราม
คนไทยส่วนใหญ่มักจะมีกรามที่ใหญ่และขยายออกด้านข้างจึงนิยมทำศัลยกรรมเพื่อตัดกรามทำให้ใบหน้าดูเรียวและเล็กการศัลยกรรมกรามซึ่งเป็นกระดูกหลักของใบหน้าควรทำในช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไปจึงจะดีที่สุด เพราะกระดูกและขากรรไกรมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว
การทำศัลยกรรมหน้าอก
ผู้หญิงโดยส่วนใหญ่มักจะทำศัลยกรรมหน้าอกให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับรูปร่างการใส่ยกัมหน้าอกจึงเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงควรทำในช่วงที่ฮอร์โมนเพศหญิงมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ แล้วนั่นก็คือช่วงอายุ 18 ถึง 20 ปีขึ้นไป และควรศึกษาข้อมูลก่อนการทำสายยกัมหน้าอกว่าวิธีใดที่ทำแล้วสามารถให้นมบุตรได้ แต่หากต้องการเสริมหน้าอกเพื่อแก้ปัญหาหน้าอกหย่อนยานควรทำในช่วงอายุ 45 ปีขึ้นไป
ข้อเสียของการศัลยกรรมในช่วงอายุที่ไม่เหมาะสมมีดังต่อไปนี้
1.ชะลอการเติบโตของอวัยวะ
โครงสร้างร่างกายและหน้าของเราอาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ถ้าเราตัดสินใจทำศัลยกรรมก่อนช่วงเวลาที่เหมาะสม จะเสมือนเป็นการไปชะลอการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อรวมถึงกระดูก อาจก่อให้เกิดความไม่สมดุลกับร่างกายในส่วนอื่น เพราะการทำศัลยกรรมด้วยการผ่าตัดเสริมอวัยวะที่ต้องใส่วัสดุเข้าไปในร่างกายอย่างเช่น การเสริมหน้าอก หรือเสริมจมูก เป็นต้น
สำหรับการฉีดวัสดุ หรือการวางวัสดุ เข้าไปเพื่อเสริมอวัยวะให้ดูใหญ่หรือสูงขึ้น ทำให้วัสดุดังกล่าวไปกดทับเนื้อเยื่อ และส่งผลทำให้กระดูกบริเวณดังกล่าวทำให้เนื้อเยื่อและกระดูกมีการเติบโตที่ช้ากว่าที่ควรจะเป็นตามช่วงอายุ เมื่ออวัยวะเติบโตได้ช้าลงย่อมส่งผลให้รูปร่างและขนาดของอวัยวะนั้นไม่สมดุลกับอวัยวะในส่วนอื่นของร่างกาย อย่างเช่น หากเสริมจมูกตอนอายุประมาณ 12 ถึง 13 ปี พอเมื่ออายุ 18 ปีใบหน้าจะมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ทำให้ใบหน้าอาจมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่จมูกกลับมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับขนาดของใบหน้า ส่งผลทำให้จมูกเล็กกว่าใบหน้า ทำให้ดูไม่สวยงามและสมดุลกับใบหน้านั่นเอง
2.เจ็บตัวซ้ำ
อาจต้องเจ็บตัวซ้ำอีกรอบ เมื่อเราทำศัลยกรรมในช่วงอายุที่ไม่เหมาะสม เพราะเมื่อโครงสร้างปรับเราอาจต้องแก้การศัลยกรรมเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างและให้เกิดความสมดุลตามที่ต้องการ ซึ่งในบางครั้งการทำศัลยกรรมซ้ำอาจไม่สามารถแก้ไขอวัยวะให้กลับมาสวยงามหรือมีขนาดที่เหมาะสมได้เหมือนการทำศัลยกรรมในครั้งแรกเพราะอวัยวะดังกล่าวอาจมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ เกิดจากการกดทับของวัสดุที่ใช้ในการทำศัลยกรรมในครั้งแรกหรือกว่าจะสามารถทำให้อวัยวะนั้นกลับมาสวยงามได้ตามที่ต้องการผู้ป่วยอาจต้องทำการผ่าตัดหลายครั้งซึ่งทำให้เกิดการเจ็บตัวที่ซ้ำซ้อน
3.เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นและเสียเวลา
เมื่อมีการแก้ไขอาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากเดิมหรือมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการทำศัลยกรรมในครั้งแรกเนื่องจากอาจจะต้องนำของเก่าออกและใส่ของใหม่เข้าไปแทนที่ บางครั้งเมื่อนำวัสดุเก่าออกแล้วอาจไม่สามารถทำการตกแต่งหรือเสริมอวัยวะนั้นได้ในทันทีจะต้องทำการพักฟื้นเพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมกระดูกและเนื้อเยื่อที่บริเวณดังกล่าวให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเสียก่อนทำให้ผู้ที่เข้ารับการศัลยกรรมต้องทำการผ่าตัดอย่างน้อยถึงสองครั้งคือ
1.การผ่าตัดนำเอาวัสดุเก่าออก
2.การผ่าตัดนำเอาวัสดุใหม่เข้าไป
ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองหรือสามเท่าหรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการผ่าตัดและระยะเวลาการพักฟื้นก็จะเพิ่มขึ้นทำให้สูญเสียทั้งค่าใช้จ่ายและทำให้เสียเวลา
4.รูปทรงไม่สมดุลไม่สวยตามต้องการ
อวัยวะในร่างกายของเรานั้นมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะเติบโตได้อย่างเต็มที่ เมื่ออายุประมาณ 18 ถึง 20 ปี ซึ่งหากทำศัลยกรรมก่อนที่ร่างกายจะมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว ย่อมทำให้รูปทรงต่างๆที่เกิดจากการทำศัลยกรรมนั้นมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะวัสดุที่เสริมเข้าไปนั้นไม่สามารถเจริญเติบโตตามกระดูกและเนื้อเยื่อของร่างกาย ทำให้รูปทรงผิดไปจากที่ต้องการ หรือการผ่าตัดกระดูก เพื่อดึงหรือปรับรูปทรงของใบหน้า เมื่อกระดูกมีการเจริญเติบโตขึ้น รูปทรงของใบหน้าก็จะเปลี่ยนแปลง ทำให้ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการเหมือนการทำศัลยกรรมในครั้งแรก
ทั้งนี้ในการกำหนดช่วงอายุสำหรับการทำศัลยกรรมในแต่ละบริเวณนั้น เป็นเพียงค่าเฉลี่ยอายุเริ่มต้นแบบทั่วไป เราจะเห็นได้ว่าโดยส่วนใหญ่ควรเริ่มทำตั้งแต่อายุประมาณ 18 ถึง 20 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว และหลังอายุ 45 ปีอาจเกิดความเสื่อมและบกพร่องของผิวหนังทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นที่ถาวรสามารถทำศัลยกรรมเพื่อลดจุดบกพร่องดังกล่าวแต่หากตัดสินใจที่จะทำจริงๆควรจะปรึกษาแพทย์อีกครั้งเพื่อวิเคราะห์ตามโครงสร้างในแต่ละบุคคลถึงจะดีที่สุด และควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีรวมถึงควรเลือกสถานบริการที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีความชำนาญ เพื่อลดความเสี่ยงระหว่างการเข้ารับการทำศัลยกรรมด้วยนั่นเอง