ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำสีผมมากแค่การย้อมสีอย่างเดียวมันอาจได้สีที่ไม่ถูกใจถ้าอยากได้สีถูกใจและตรงปกก็ต้องมีการฟอกสีผมก่อนอย่างแน่นอนซึ่งถ้าเลือกน้ำยาฟอกสีที่ไม่ได้คุณภาพอาจทำให้ผมเสียเพราะฉะนั้นควรเลือกน้ำยาฟอกสีผมที่ดีวันนี้เราเลยมาแนะนำ12 ฟอกสีผมยี่ห้อไหนดี 2022 ฟอกแล้วผมไม่เสีย อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ ไปดูกันค่ะ
วิธีการเลือกซื้อน้ำยาฟอกสีผม
เลือกจากปริมาณความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เพราะความเข้มข้นของให้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จะเป็นตัวกำหนดความเข้มอ่อนของสีผม การเลือกปริมาณเปอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้น หรือปริมาณเปอร์เซ็นต์ที่มาก อาจทำให้หนังศีรษะไม่เกิดการระคายเคือง และทำให้ผมเสียหากคุณไม่อยากให้ผมเสีย ควรใช้ความเข้มข้นเปอร์ออกไซด์ ให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้การฟอกสีผมนั้นแตกต่างจากการย้อมผมปกติ เพราะสารฟอกผมจะไม่หยุดทำงานหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง แต่จะลดความเข้มของสีผมให้อ่อนลงเรื่อยๆจนกว่าจะล้างออก ดังนั้นควรดูเส้นผมของคุณให้ดีในขณะที่ฟอกว่าสีเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้วที่สำคัญห้ามใช้เปอร์ออกไซด์ที่แรงเกินไป หรือทิ้งไว้นานเกินไป เพราะอาจทำให้ผมขาดหลุดร่วงออกมาได้
ความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ความเข้มข้น 10 Vol 3% peroxide
Vol 3% Peroxide เป็นความเข้มข้นน้อยที่สุดที่ใช้สำหรับการฟอกสีผม หากผมคุณเป็นสีธรรมชาติคุณสามารถทำให้สีผมอ่อนลงได้หนึ่งถึงสองระดับโดยใช้Vol 3% Peroxide แต่ถ้าผมผ่านการย้อมสีดำแบบถาวรมาการฟอกสีผมด้วยความเข้มข้นนี้อาจไม่ส่งผล
ความเข้มข้น 20 Vol 6% peroxide
Vol 6% Peroxide เป็นความเข้มข้นมาตรฐานที่ใช้สำหรับการฟอกสีผมด้วยตนเอง สามารถทำให้สีผมอ่อนลงได้สองถึงสามระดับ และสามารถเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีบลอนด์ได้ ในกรณีผมสีเข้มมาก อาจต้องทำการฟอกมากกว่าสองครั้งซึ่งความเข้มข้นระดับนี้ดีที่สุดหากคุณมีผมเส้นเล็ก และบอบบาง
ความเข้มข้น 30 Vol 9%peroxide
Vol 9% Peroxide ระดับความเข้มข้นนี้อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองหนังศีรษะ และเสี่ยงต่อผมขาดหลุดร่วง ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานจนเกินไป สามารถทำให้สีผมอ่อนลงสามถึงสี่ระดับ ดังนั้นหากต้องการความรวดเร็วในการเปลี่ยนสีผมเป็นสีบลอนด์ และไม่อยากที่จะฟอกหลายครั้ง Vol 9% Peroxideเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ความเข้มข้นที่สูงกว่า 40 vol 12% peroxide
Vol 12% Peroxide เป็นระดับการฟอกสีผมที่รุนแรง และเข้มข้นมากที่สุด และไม่ควรใช้สารฟอกชนิดนี้ใกล้ผิวหนัง เพราะจะทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง และในบางคนถึงกับหนังศรีษะไม่หากใช้ไม่ถูกวิธี แนะนำว่าไม่ควรใช้สารฟอกเข้มข้นนี้ด้วยตนเองที่บ้านเพราะหากทำไม่ถูกวิธี จะไม่ปลอดภัยกับผม และผิวของคุณ
ขั้นตอนการฟอกสีผมไม่ให้ผมเสีย
เตรียมผมก่อนการฟอกสีผม
- ดูแลสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรงก่อนการฟอกสีผม ด้วยการทำทรีมเมนท์ อบไอน้ำ หรือหมักผม โดยทำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาสองสัปดาห์ ก่อนทำการฟอกสีผม
- ก่อนฟอกสีผมให้ทดสอบอาการแพ้ โดยการทาครีมฟอกสีผมบริเวณท้องแขน และสังเกตอาการหลังจากผ่านไป 30 นาที หากไม่มีอาการระคายเคือง ผื่นคัน รอยแดง หรือไม่พบอาการผิดปกติใดใด แปลว่าสามารถฟอกสีผมได้
- ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาหากคุณเคยดัด หรือยืดผมไม่ควรฟอกสีผม นอกเสียจากคุณจะตัดปลายผมส่วนที่ผ่านการทำเคมีทิ้งไปเสียก่อน
ขั้นตอนการฟอกสีผม
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีผมที่มีคุณภาพดีโดยเลือกเปอร์เซ็นต์ของไฮโดเจนเปอร์อ๊อกไซด์ให้เหมาะสม กับสภาพเส้นผม สำหรับผมเส้นเล็กไม่ควรใช้เกิน 6% เพราะถ้าเปอร์เซ็นต์ยิ่งสูงโอกาสที่จะทำร้ายเส้นผม หรือเกิดอาการแพ้หนังศรีษะแสบก็จะมีมากขึ้นตามมา
- เตรียมน้ำยาฟอกสีผมให้เพียงพอกับความยาวของเส้นผมสำหรับคนที่ผมยาวมาก อาจต้องใช้มากกว่าหนึ่งกล่อง หากต้องการสีผมที่อ่อนมากๆอาจต้องกัดสีผมมากกว่าหนึ่งครั้งแต่ควรเว้นระยะระหว่างครั้งแรกกับครั้งที่สอง อย่างน้อยสองสัปดาห์ เพื่อป้องกันสุขภาพของเส้นผม และการระคายเคืองหนังศีรษะ
- ทุกครั้งที่ฟอกสีผมควรสวมถุงมือ เพราะสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ฟอกสีผม อาจทำให้มือของคุณรู้สึกแสบร้อนได้
- ควรสวมเสื้อที่มีกระดุมหน้า หรือชุดคลุมอาบน้ำเพื่อสะดวกต่อการสระผมหลังจากการฟอกสีผม และใช้ผ้าขนหนูสีอ่อนคุมไหล่หรือเช็ดผมให้แห้งหลังสระแทนการใช้ผ้าสีเข้มเพราะอาจถูกกัดให้สีซีดได้
- ควรทาออยหรือปิโตรเลียมเจลลี่ บริเวณหน้าผาก ไรผม ข้างใบหู ท้ายทอยเพื่อปกป้องผิวจากการฟอกสี
- ควรผสมผลิตภัณฑ์ตามสัดส่วนที่แนะนำในฉลากหรือด้านข้างกล่อง และควรใช้แปลงสำหรับทาน้ำยาฟอกสีผม ในขั้นตอนนี้สำคัญอย่างมาก ควรทาเส้นผมให้ทั่วถึง เพื่อไม่ให้สีผมที่ถูกฟอกกระดำกระด่าง
- ควรแบ่งผมเป็นช่อเล็กๆแล้วจึงค่อยๆไล่ทาน้ำยาฟอกสีผมไปจนทั่วศรีษะ และให้เว้นบริเวณโคนผม เว้นไว้ประมาณ 1 นิ้วไว้ทาทีหลัง เพราะความร้อนจากหนังศรีษะจะทำให้สีผมอ่อนลงได้ง่าย และจับเวลาตามคำแนะนำที่อยู่ด้านข้างกล่อง หรือดูจากสีผมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีอ่อนตามที่ต้องการ
- หลังจากได้ สีที่ต้องการให้สระผมด้วยแชมพูจนสะอาด และอย่าลืมใส่ทรีทเมนท์บำรุงเส้นผม เพื่อรักษาผมไม่ให้แห้งเสียและหยาบกระด้าง
น้ำยาฟอกสีผมยี่ห้อไหนดีไม่ทำให้ผมเสีย
1.L’Oréal Blond Studio Multi-Techniques Lightening Powder
สาวคนไหนที่เคยฟอกสีผม อาจเคยได้กลิ่นน้ำยาฟอกสีผมที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ทำให้มีอาการแสบจมูก หรือบางทีก็แสบตาแต่น้ำยาฟอกสีผมตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องของกลิ่น แถมยังมีประสิทธิภาพในการฟอกสีผมได้อย่างดีเยี่ยม
ราคา 650 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยทำให้สีผมอ่อนลงได้ถึง 8 ระดับ
- ช่วยรักษาเส้นผมไม่ให้แห้งเสียแตกปลาย ผมนุ่ม
- ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ไม่มีกลิ่นฉุนแสบจมูก
2.Cruset Hair Bleaching Cream
ครีมฟอกสีผมตัวนี้สามารถฟอกสีผม และบำรุงผมไปพร้อมกันเพราะมีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก และวิตามินอี ที่ทำให้เส้นผมไม่แห้งเสีย และยังคงมีน้ำหนัก เงางาม ถึงแม้จะฟอกสีผมไปแล้วก็ตาม
ราคา 66 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมสว่างขึ้นได้สามถึงสี่ระดับ
- ใช้งานง่ายมือใหม่สามารถใช้ได้
- ช่วยบำรุงผมไม่ให้แห้งเสียคงสภาพเส้นผมให้มีน้ำหนักและเงางาม
3.Dcash Master Bleaching Powder Lightener
น้ำยาฟอกสีผมตัวนี้จะช่วยให้สีผมอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และไม่ทำลายเส้นผมเป็นสูตรเฉพาะที่ทางแบรนด์ ที่คิดค้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผมแห้งเสีย หลังจากการฟอกสีผม มีมาให้เลือกถึง4เฉดสีคือสีเงินสีขาว สีแดง และสีทอง
ราคา 40 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด 7-9 ระดับ
- ไม่ทำให้ผมแห้งเสียหลังการฟอกสี ผมยังคงดูมีน้ำหนัก
4.Lolane Pixxel Bleaching Powder
น้ำยาฟอกสีผมตัวนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อช่วยให้สีผมอ่อนลงโดยไม่ต้องฟอกสีผมหลายครั้ง ทำให้ผมไม่ถูกทำร้ายจากน้ำยาฟอกสีผมมากนัก จึงหมดกังวลเรื่องผมเสีย และยังมาพร้อมกันถึง3สูตร ได้แก่ Normal Lift Extreme Lift และ Gentle Lift สำหรับโทนสีผมที่แตกต่างกัน
ราคา 29 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมอ่อนลงได้ถึง 11 ระดับโดยไม่ต้องฟอกหลายครั้ง
- ฟอกแล้วผมไม่ติดเหลือง
5.Wella Blondor Multi Blonde
ช่างทำผมหลายคนคงคุ้นเคยกับแบรนด์นี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ดังที่ช่างทำผมไว้ใจ สำหรับสูตรนี้เป็นสูตรที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพียงแค่ผสมส่วนผสมต่างๆตามขั้นตอนง่ายๆก็สามารถใช้ได้เลยทันที
ราคา 990 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
- มีสารanti-yellowที่ไม่ทำให้เส้นผมติดเหลือง
6.Farger Hight Lift Bleaching Cream
น้ำยาฟอกสีผมชนิดครีมที่นิยมใช้กันสำหรับช่างทำผมมืออาชีพสามารถปรับสว่างของเส้นผมได้มากถึง 10 ระดับในครั้งเดียว เนื้อครีมละเอียดใช้งานง่าย ไม่ฟุ้งขณะผสม และใช้เวลาไม่นานเพียงทิ้งไว้แค่ 20นาที ก็ได้ผมที่สว่างสดใสแล้ว นอกจากนี้กลิ่นยังเบาไม่แสบจมูก หลังการฟอกสีผมยังคงสุขภาพดีเงางาม และไม่หยาบกระด้าง
ราคา 80 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมอ่อนลงได้มากถึง 10 ระดับ
- ไม่มีอาการแสบหนังศรีษะหลังฟอกสี
- ใช้ง่าย กลิ่นเบา ไม่แสบจมูก
7.Berina Hair Bleaching Powder
เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมายาวนาน เพราะสามารถฟอกสีออกมาได้ดี และมีประสิทธิภาพ ดูเป็นธรรมชาติ แถมมีราคาถูกสามารถหาซื้อได้ง่าย ใช้งานง่ายเพียงแค่ผสมกัน ก็สามารถใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ยังช่วยคงสภาพเส้นผมให้ดูดีมีน้ำหนักมีประกายสดใส
ราคา 28 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมอ่อนลง3-4ระดับ
- สารช่วยบำรุงเส้นผม ทำให้ผมดูดีมีน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ
8.Yougee Blondie Hair Lightener
ผงฟอกสีผมตัวนี้มาพร้อมกับความเข้มข้นสูง ช่วยเปลี่ยนสีผมให้ดูอ่อนลงได้ถึง 9 ระดับภายในเวลาอันรวดเร็ว กลิ่นไม่ฉุนมากและไม่ทำให้รู้สึกแสบหนังศรีษะ แถมยังไม่ทำร้ายเส้นผมมากจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถบำรุงเส้นผมให้นุ่มชุมชื่น ไม่แห้งกร้าน ใช้งานสะดวกเพียงแค่ผสมก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย
ราคา 32 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมอ่อนลงได้มากถึง 9 ระดับ
- ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่ม ไม่แห้งกร้าน
- ใช้งานสะดวก สามารถฟอกสีผมด้อย่างรวดเร็ว
9.NIGAO MAXXLight Super White
สำหรับแบรนด์นี้สามารถเพิ่มความสว่างให้เส้นผมได้มากถึง 8 ระดับในการฟอกสีผมเพียงครั้งเดียว และยังมีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดี ทำให้ผมเงางามไม่แห้งเสียดูมีชีวิตชีวา ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ไม่มีกลิ่นฉุน
ราคา 189 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมอ่อนลงได้ถึง 8 ระดับ
- ไม่ทำให้ผมแห้งเสีย
- ใช้งานง่ายกลิ่นไม่ฉุน
10.TRI-WELL
น้ำยาฟอกสีผมตัวนี้ถือเป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก อีกทั้งยังใช้งานง่ายเปิดกล่องออกมาก็พร้อมใช้งานได้เลยในทันที มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้สามารถซึมลึกเข้าสู่เกร็ดผมได้ไวมากยิ่งขึ้น ทำให้สีผมสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอนอกจากนี้ยังมีสารช่วยบำรุงเส้นผม ไม่ทำให้ผมเสียหลังการฟอกสีผม และในกล่องยังมาพร้อมอุปกรณ์ในการฟอกสีแบบครบครัน
ราคา 110 บาท
คุณสมบัติ
- มีสารช่วยบำรุงเส้นผมไม่ทำให้ผมเสียหลังการฟอกสี
- มีอุปกรณ์ในกล่องมาให้แบบครบครัน
- สามารถปรับสีผมให้สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
11.Star List Quik Blond
สำหรับผงฟอกสีผมตัวนี้เป็นรุ่นที่ทำให้สีผมสวยจนหลายคนต้องติดใจ สามารถปรับสีผมได้อย่างรวดเร็วมากถึงแปดระดับ และยังช่วยทำให้การย้อมผมหลังการฟอกสี สามารถซึมเข้าสู่เส้นได้ดีเหมาะสำหรับการทำไฮไลต์หรือการทำสีแบบธรรมดา และในกล่องยังมีถุงมือพร้อมใช้แถมมาให้อีกด้วย
ราคา 96 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมอ่อนลงได้ถึง 8 ระดับ
- ปรับสีผมให้สว่างอย่างรวดเร็ว
- ใช้งานง่ายกลิ่นไม่ฉุน
12.Schwarzkopf IGORA Vario Blond Extra Power
สำหรับน้ำยาฟอกสีผมตัวนี้ตอบโจทย์สำหรับสีผมเข้มเป็นอย่างมาก เพราะมีพลังในการฟอกสีสูง รวมถึงยังใช้งานง่ายมาก เพียงแค่ผสมน้ำยาเข้าด้วยกัน เพียงเท่านี้ก็ได้สีผมที่สว่างชัดเจนดูเป็นธรรมชาติ ช่วยทำให้ผมดูมีมิติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังไม่ทำลายเส้นผมทำให้ผมแห้งเสีย โดยสามารถทำติดต่อกันได้ และมีกินหอมอ่อนๆ
ราคา 41 บาท
คุณสมบัติ
- ช่วยให้สีผมสว่างชัดเจน
- มีสารช่วยบำรุงเส้นผมทำให้ผมไม่แห้งเสีย
- ใช้งานง่าย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับการแนะนำ 12 ฟอกสีผมยี่ห้อไหนดี 2022 ฟอกแล้วผมไม่เสีย อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้หวังว่าทุกท่านจะเลือกสินค้าที่ถูกใจได้ด้วยคำแนะนำจากเรา และสิ่งที่ควรรู้นั่นก็คือการฟอกสีผมทำให้ผมได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีผม และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีผมที่มีความเข้มข้นต่ำ เพื่อรักษาสภาพเส้นผมของคุณ ไม่ให้แห้งเสีย หยาบกระด้าง และควรเช็คปริมาณให้ไฮโดรเปอร์ออกไซด์ที่อยู่ด้านหน้าขวดผลิตภัณฑ์หากไม่มีมั่นใจหรือความเชี่ยวชาญในการเลือกซื้อ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสีผมโดยตรง