ไม่ว่าใคร ก็ฝันอยากจะมีหน้าใสไร้รอยสิวและจุดด่างดำต่างๆกันทั้งนั้นใช่มั้ยคะ มีสารพัดวิธีการที่จะช่วยให้เรารอดไปจากรอยแดง รอยดำ รอยสิวน่ากวนใจเหล่านี้ อย่างในบทความนี้เราจะมากล่าวถึงทริคเด็ดของการลดรอยแดงรอยดำจากสิวให้เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
ทริคที่ 1 เลือกใช้สกินแคร์ในกลุ่มของ AHA /BHA เพื่อช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว
ด่านแรกสุดในการดูแลและจัดการปัญหารอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวต่างๆ เริ่มต้นทริคแรกได้ง่ายๆด้วยการเลือกใช้สกินแคร์ สกินแคร์ที่ดีที่สุดในการดูแลเรื่องของรอยสิว รอยแดง รอยดำ หรือจุดด่างดำต่างๆ ก็คือสกินแคร์ในกลุ่มของ AHA/BHA ที่มีคุณสมบัติช่วยในการผลัดเซลล์ผิว
AHA คืออะไร และมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?
AHA (เอเอชเอ) หรือ Alpha Hydroxy Acids (กรดอัลฟาไฮดรอกซี) เป็นชื่อเรียกสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติทั้งหลาย ยกตัวอย่างเช่น กรดซีตริก (Citric Acid) จากผลไม้จำพวกที่มีรสเปรี้ยว กรดมาลิก (Malic Acid) จากแอปเปิ้ล, กรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) จากองุ่น, กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) จากอ้อย และกรดแลคติก (Lactid Acid) จากนมเปรี้ยว เป็นต้น
AHA ถูกนำมาเป็นส่วนผสมในสกินแคร์และเครื่องสำอางมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ประสิทธิภาพของการดูแลผิวที่ได้จาก AHA ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของ AHA ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดด้วยเช่นกัน
การทำงานของ AHA คือมีหน้าที่ในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ให้หลุดออกจากชั้นผิวหนังเพื่อเผยผิวใหม่ที่อยู่ด้านในออกมา อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น ริ้วรอยต่างๆดูลดเลือนและจางลง แต่การใช้ AHA ที่มีความเข้มข้นสูงในการดูแลผิวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานนั้น ก็อาจส่งผลเสียกับชั้นผิวที่อยู่ลึกลงไปได้
BHA คืออะไร และมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?
BHA (บีเอชเอ) หรือ Beta Hydroxy Acids หรือ Salicylic Acid เป็นสารที่สกัดมาจากเปลือกของต้น Willow ในวงการสกินแคร์ที่ใช้ในการรักษาและดูแลผิวหนัง มีการใช้สาร BHA มานานแล้ว แต่ในอดีต มักนิยมใช้ผสมในยารักษาโรคมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เป็นยารักษาโรคผิวหนังชนิดอักเสบเรื้อรัง รักษาส้นเท้าแตก รักษาโรคหูด เป็นต้น เนื่องจาก BHA มีฤทธิ์ในการช่วยทำให้ผิวหนังชั้นนอกเกิดการผลัดตัวเร็วขึ้น
นอกจากข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว BHA ยังคงเป็นที่นิยมมากในสายด้านสกินแคร์ เพราะ BHA มีคุณสมบัติอันโดดเด่นมากมาย ทั้งช่วยในเรื่องของการกระชับรูขุมขน ช่วยขจัดความมันส่วนเกิน ช่วยป้องกันการอักเสบของผิวหนัง และยังมีคุณสมบัตที่ช่วยปลอบประโลมและผ่อนคลายอีกด้วย จึงสามารถช่วยลดรอยแดงต่างๆได้
แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว BHA มักนิยมใช้กันในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิวและช่วยลดความมันบนผิวหน้ามากกว่า แต่การใช้ BHA ที่มีความเข้มข้นสูงในการดูแลผิวสำหรับสาวๆผิวแห้งนั้นอาจจะไม่เหมาะ เพราะอาจจะยิ่งทำให้ผิวนั้นแห้งและเกิดอาการลอกได้
ทริคที่ 2 พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด หากจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดด SPF50 PA++++
แสงแดด เป็นสาเหตุหลักอันดับต้นๆของการทำลายผิว แสงแดดมีทั้งรังสี UVA และ UVB ที่พร้อมจะกระตุ้นสารเมลานินในผิวและเป็นตัวทำลายผิวชั้นนอก ทำให้มีอาการผิวไหม้ คล้ำ เสีย จากแดด ในบางรายอาจมีอาการแห้ง แสบ แดง ระคายเคืองร่วมด้วย ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวเราโดนแสงแดดโดยตรง หรือพยายามไม่โดนแดดเลย แต่ถ้าหากมีความจำเป็นจริงๆ แบบไม่สามารถเลี่ยงได้ ก่อนออกแดดทุกครั้ง ควรใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อปกป้องผิว
ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ SPF50 PA++++ คืออะไร
ค่า SPF เป็นค่าที่ใช้วัดความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ส่วนตัวเลขด้านหลัง คือค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด เช่น SPF50 คือ มีค่าความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดดมากกว่าผิวปกติ 50 เท่า และสามารถปกป้องผิวจาก UVB ได้ 98 เปอร์เซ็นต์
ค่า PA เป็นค่าที่ใช้วัดความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA โดยจะระบุค่าความสามารถเป็นจำนวนเครื่องหมายบวก (+) เช่น PA+ คือ ครีมกันแดดที่มีความสามารถในการป้องป้องผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติมากกว่า 2-4 เท่า หรือ PA++++ คือ ครีมกันแดดที่มีความสามารถในการป้องป้องผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติมากกว่า 16 เท่า
ทั้งนี้ครีมกันแดดก็เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบจากแสงแดดเพียงเท่านั้น และไม่สามารถปกป้องผิวได้หมดทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ และการเลือกใช้ครีมกันแดดก็อาจไม่จำเป็นต้องเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF หรือค่า PA สูงสุดเสมอไป แต่ให้เลือกให้เหมาะสมตามพฤติกรรมในชีวิตประจำวันหรือสถานการณ์ที่ต้องออกแดดของเราในวันนั้นๆจะดีที่สุดค่ะ
ทริคที่ 3 ใช้สครับผิวแบบอ่อนโยน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การใช้สครับผิว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเร่งกระบวนการของการผลัดเซลล์ผิวเก่า หรือเซลล์ผิวที่ตาแล้วให้หลุดออกไวที่สุด โดยควรพิจรณาจาก สภาพผิวของตัวเรา และเลือกสครับที่เหมาะสมและอ่อนโยนที่สุด ควรเลือกชนิดที่เป็นผลึกแบบกลม มน ไม่คมหรือแข็งจนเกินไป แต่ถ้าหากคุณ กำลังมีสิวอยู่ขณะนั้น ขอเตือนว่าห้ามใช้สครับเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้สิวที่มีอยู่นั้นเปิดออก เกิดการอักเสบ แดง แพ้ได้ หากเป็นสิว จึงควรหลีกเลี่ยงวิธีการนี้ค่ะ
การสครับนับว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างรบกวนผิวในระดับหนึ่ง ดังนั้น ความถี่ของการใช้สครับผิว จึงไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือเดือนละ 2-3 ครั้งนั่นก็เพียงพอแล้ว เพื่อไม่เป็นการรบกวนผิวจนเกินไปค่ะ
ทริคที่ 4 เลือกทานอาหารเสริมกลุ่มคอลลาเจน+วิตามินซี
การทานอาหารเสริม ก็เป็นอีกตัวช่วยในการบำรุงและดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก โดยปกติผิวของเรา ก็ต้องได้รับสารอาหารในการบำรุงที่เพียงพอเฉกเช่นเดียวกันกับร่างกายอยู่แล้ว ดังนั้น ทริคที่ 4 ที่เราจะแนะนำสารอาหารที่จำเป็นและสำคัญกับการดูแลผิว นั่นคือสารอาหารในกลุ่มประเภทของคอลลาเจน และวิตามินซี
คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร และมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?
คอลลาเจนเป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ในองค์ประกอบหลักของร่างกายเรา เช่น อยู่ในผิวหนัง เส้นขน เส้นผม เป็นต้น แม้ว่าร่างกายของเราจะสามารถสร้างคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการสร้างคอลลาเจนของเรานั้นกลับลดลง
แล้วคอลลาเจนสำคัญอย่างไร ? อย่างที่กล่าว ว่าคอลลาเจนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของร่างกายคนเราอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับผิวหนัง คอลลาเจนมีหน้าที่เพิ่มความยืดหยุ่น และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว หากขนาดคอลลาเจนหรือมีในปริมาณไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ผิวแห้ง ผิวบาง ทำให้เกิดอาการผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้มากขึ้น
วิตามินซี คืออะไร และมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?
คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับวิตามินซี วิตามินซีมีสารพัดประโยชน์มากมายหลายด้าน แต่ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงประโยชน์ของวิตามินซีที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงผิวของเรากันว่า มีอะไรบ้าง
นอกจากวิตามินซีจะขึ้นชื่อเรื่องการป้องกันหวัดแล้ว ยังให้ประโยชน์แก่ผิวหลักๆ ได้แก่ ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและต่อต้านริ้วรอยต่างๆ, ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว, ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและรอยสิว รอยดำ รอยแดง, ช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย, ช่วยสมานแผลที่เกิดบนผิวให้หายเร็วขึ้น เป็นต้น
ทริคที่ 5 เพิ่มตัวช่วยด้วยเลเซอร์หน้าใส Dual Yellow
พูดถึงเลเซอร์หน้าใส อันดับหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือ เลเซอร์หน้าใส Dual Yellow ที่สามารถช่วยแก้ไขทุกปัญหาผิวหน้า แบบเร็วทันใจ เห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ Dual Yellow เป็นเลเซอร์ที่ผสม 2 ความยาวคลื่น คือ แสงสีเหลือง และแสงสีเขียว นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และช่วยลดการอักเสบของผิวหน้าได้อีกด้วย หลักการทำงานของ Dual Yellow คือตัวแสงเลเซอร์จะเข้าไปตัดเส้นเลือดที่มาเลี้ยงเม็ดสีทำให้เซลล์เม็ดสีค่อยๆตายอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ตกสะเก็ด ไม่ทิ้งรอยแผล
เช็คคุณสมบัติเลเซอร์หน้าใส Dual Yellow มีอะไรบ้าง
- จัดการรอยสิว รอยแดง และรอยดำต่างๆ
- ดูแล ฟื้นฟูจุดด่างดำ พร้อมช่วยเข้าบำรุงผิว
- จัดการสีผิวคล้ำเสีย-ไม่สม่ำเสมอ
- ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าและแก้ไขเม็ดสีผิวที่เข้ม ให้จางลง
- ให้คุณมีหน้าใสเปล่งปลั่งมีออร่า ช่วยเติมเต็มความกระจ่างใสให้ใบหน้า
สรุป
จบไปแล้วกับทริคทั้ง 5 ที่จะช่วยคุณเปลี่ยนรอยแดง รอยดำจากสิว ให้ผิวใสภายใน 2 สัปดาห์ ใครที่สะดวกดูแลแบบไหน ก็สามารถเลือกนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับผิวของตัวเองได้นะคะ ทั้งนี้ การให้ผลลัพธ์ของแต่ละทริคนั้น ก็ขึ้นอยู๋กับสภาพผิวและปัญหาผิว แตกต่างกันออกไปของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ