ในสถานการณ์โลกปัจจุบันนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของโรคระบาด อย่างโรคโควิด 19 (Covid-19) ที่ยังคงระบาดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในวิธีการป้องกันโรคระบาดนี้ ก็คือ การใส่แมสก์ป้องกัน เนื่องจากเป็นโรคที่เกี่ยวข้องและสามารถติดต่อได้ทางอากาศจากการหายใจเข้าไป แน่นอนว่า สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายอยู่แล้วนั้น ย่อมพบปัญหาจากการใส่แมสก์ตามมาอย่างแน่นอน
ทำความรู้จักเบื้องต้นเกี่ยวกับสิวแต่ละประเภท
สิวมี 2 ชนิดสุดฮิตที่มักเกิดจากการใส่แมสก์กันค่ะ
1.สิวอุดตัน (Comedones)
สิวอุดตัน เป็นสิวที่ขึ้นเป็นตุ่มอุดตันอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง แต่เป็นชนิดที่ไม่อักเสบ ซึ่งเกิดจากการอุดตันภายในรูขุมขน ส่วนใหญ่จะพบได้ที่บริเวณหน้าผาก คาง และผิวใต้แมสก์ ชนิดของสิวอุดตัน สิวอุดตันมีหลายชนิดด้วยกัน ที่พบได้บ่อย ได้แก่
สิวหัวดำหรือสิวหัวเปิด
เป็นจุดสีดำปรากฏบนผิวหนัง ที่เกิดจากการอุดตันของขน เนื้อเยื่อ และไขมันภายในรูขุมขน สารเมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสีที่เซลล์ผิวหนังจะทำปฏิกิริยากับสารที่อุดตันให้เปลี่ยนเป็นสีดำ ในขณะที่สารเหล่านั้นโผล่พ้นขึ้นมาสัมผัสกับออกซิเจน
สิวหัวขาวหรือสิวหัวปิด
เป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวบนผิวหนัง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อุดตันอยู่ภายในรูขุมขน แต่รูขุมขนที่อุดตันนั้นจะไม่ได้สัมผัสอากาศ จึงไม่มีการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจน และยังคงมองเห็นเป็นจุดสีขาวที่อุดตันอยู่บนผิวหนัง
2.สิวผด (Acne Estivalis)
สิวผด เป็นสิวที่เราสามารถพบบ่อยเมื่อเจอกับอากาศร้อนหรือเวลาที่มีเหงื่อออก มีลักษณะคล้ายผดผื่นเม็ดเล็ก ๆ สีชมพู-แดง ส่วนใหญ่จะพบได้ที่บริเวณหน้าผากและขมับ ส่วนมากมักจะเห่อขึ้นมาในช่วงบ่าย และอาการจะทุเลาลงเองในช่วงเย็น
สาเหตุของสิวผด
เกิดการแพ้และระคายเคืองบนผิวหนัง
ส่วนใหญ่สิวผดมักเกิดจากการที่ผิวหนังโดนแสงแดดและความร้อน ทำให้ผิวหนังจำเป็นต้องเร่งการขับเหงื่อ และเมื่อต่อมเหงื่อไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้หมดเนื่องจากใส่แมสก์ ก็จะทำให้เกิดการอุดตันจนกลายเป็นสิวผดขึ้นมา นอกจากนี้ยังเกิดได้จากการแพ้ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง และมลภาวะต่าง ๆ
เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง
เชื้อราที่ชื่อ P.OVALE จะทำปฏิกิริยากับผิวบริเวณต่อมไขมันบนผิวหน้า จนทำให้เกิดเป็นสิวผด
การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง แต่กลับไปใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน ก็จะทำให้ผิวหน้าแห้งมากยิ่งขึ้น จนเกิดความระคายเคืองและกระตุ้นให้เกิดสิวผด
ความเครียด
ความเครียดเป็นอีกปัจจัยที่เมื่อหากมีความเครียดมากจนทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ทำให้เกิดสิวผดได้
อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ล้างหน้า
การใช้น้ำอุ่นล้างหน้าเป็นประจำ จะทำให้ผิวหน้าแห้งตึงจนเกิดการระคายเคือง ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวผดได้
เมื่อรู้จักสิวทั้งสองชนิดเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องไปเรียนรู้การรับมือกับสิวกันว่า แต่ละวิธีจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
5 วิธีแก้ปัญหาสิวจากแมสก์ ง่ายๆ
วิธีที่ 1 ใช้ทิชชู่รองแมสก์ และถอดพักทุกๆ 2 ชั่วโมง (หากสามารถทำได้)
การเลือกใช้ทิชชู่ที่อ่อนโยนกับผิว ในการรองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเลี่ยงไม่ใช้ผิวหน้าของเราสัมผัสกับตัวแมสก์โดยตรง เป็นวิธีแรกที่ช่วยลดการเกิดสิวผดจากอาการแพ้แมสก์ได้ แต่ก็สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
คำแนะนำในการเลือกทิชชู่
- ควรมีผิวสัมผัสของทิชชู่ที่เนียนละเอียด ไม่เป็นแผ่นหยาบ
- ไม่ควรเป็นทิชชู่ที่มีการพิมพ์ลายหรือมีลวดลายใดใดก็ตาม เนื่องจากอาจเพิ่มโอกาสในการแพ้
- ไม่ควรเป็นทิชชู่ที่มีการผสมสี ไม่ใช่สีกระดาษธรรมชาติ
- ไม่ควรเป็นทิชชู่ที่มีการแต่งกลิ่น หรือใส่น้ำหอม
- ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นออแกนิค หรือผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
วิธีที่ 2 ล้างหน้าด้วยน้ำดื่ม และน้ำเย็นเพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง
แน่นอนว่า น้ำประปาที่ใช้อาบเป็นประจำนั้น อาจมีสิ่งปนเปื้อน ไม่ได้สะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ จึงอาจไปกระตุ้นให้อาการแพ้นั้น หนักขึ้นกว่าเดิมหรือติดเชื้อได้ ดังนั้น การใช้น้ำสะอาดที่เป็นน้ำดื่ม ในการทำความสะอาดผิวหน้า ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ หรือไปกระตุ้นให้มีอาการแพ้หนักขึ้น ลดน้อยลงได้ และนอกจากการใช้น้ำดื่มแล้ว การใช้น้ำเย็น แต่ไม่ใช่น้ำเย็นจัด ในการล้างหน้านั้น ก็จะช่วยลดอาการระคายเคือง หรืออักเสบ บวม แดง ของผิวหน้าได้ นอกจากนี้ ประโยนช์ของการใช้น้ำเย็นล้างหน้านั้น ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด และช่วยกระชับรูขุมขนอีกด้วย
วิธีที่ 3 ใช้ remover ในขั้นตอนแรกของการล้างหน้าเสมอ
แม้คุณจะไม่ได้แต่งหน้า เพราะจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกที่อุดตันและเกาะอยู่บนผิวหน้าได้ สาวๆหนุ่มๆหลายคนอาจจะยังไม่รู้นะคะว่า นอกจาก remover นั้นจะช่วยลบเครื่องสำอางต่างๆที่ใช้ในการแต่งหน้าแล้ว เจ้า remover นี้ยังช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดผิวที่มีสิ่งสกปรกได้อีกด้วย แน่นอนว่าเมื่อออกไปข้างนอก ก็ย่อมมีคราบฝุ่นละอองในอากาศที่ต้องเจอ คราบมลภาวะต่างๆ รวมถึงคราบครีมกันแดดที่เราลงเอาไว้ในตอนเช้า ซึ่ง Cleansing ก็ไม่อาจทำความสะอาดผิวและรูขุมขนของเราได้สะอาดอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ จึงควรใช้ remover ควบคู่ด้วยค่ะ
วิธีที่ 4 เลือกโปรแกรมรักษาสิว 4 ขั้นตอนของกังนัมคลินิก
ที่กังนัมคลินิกมีวิธีการดูแลผิวที่เป็นสิวได้อย่างตรงจุดและครอบคลุมปัญหามากที่สุด โดยมีโปรแกรมรักษาสิวถึง 4 ขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่
- กดสิว
- ฉายแสง LED
- มาส์กโคลน
- ฉีดสิว
1. กดสิว
มีประโยชน์อย่างไร ?
- ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
- ลดการเกิดสิวใหม่
- ป้องกันการเกิดสิวอุดตัน ที่จะพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบ
- การกดสิวจะได้ผลดีกับสิวอุดตันมากที่สุด
ขั้นตอนของการกดสิว มีอะไรบ้าง
- ผู้เชี่ยวชาญจะทำการทำความสะอาดผิวหน้าให้กับผู้ที่มาใช้บริการกดสิว
- ขณะที่ทำการกดสิว ผู้เชี่ยวชาญจะสวมถุงมืออนามัยเพื่อป้องกันแบคทีเรีย
- ใช้เข็มที่ผ่านการฆ่าเชื้อเพื่อเจาะเปิดหัวสิว
- เริ่มกดสิวได้
2.ฉายแสง LED
มีประโยชน์อย่างไร ?
- แสง LED มีคุณสมบัติในการช่วยฆ่าเชื้อสิว
3.มาส์กโคลน
มีประโยชน์อย่างไร ?
- ตัวมาร์กจะช่วยฆ่าเชื้อสิว
- ตัวมาร์กมีคุณสมบัติที่ช่วยปลอบประโลมผิว
- ตัวมาร์กสามารถช่วยกระชับรูขุมขนได้
4.ฉีดสิว
มีประโยชน์อย่างไร ?
- ใช้ในกรณีที่มีสิวอักเสบ จึงจะฉีดสิวเพื่อให้สิวอักเสบนั้นยุบตัว และหายอย่างรวดเร็ว
โดยที่กังนัมคลินิก จะใช้ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลผิวแบบเฉพาะทางในการให้บริการโปรแกรมนี้ แต่มีราคาที่จับต้องได้ โดยราคาของโปรแกรมรักษาสิวทั้ง 4 ขั้นตอน จะเริ่มต้นที่ 1,500.-/ครั้ง เท่านั้นค่ะ
วิธีที่ 5 ดูแลผิวอย่างต่อเนื่องด้วยมาเด้คอลลาเจน (Made Collagen)
เพื่อสร้างเกราะให้ผิวแข็งแรงขึ้น หลังจากทำการลดอาการระคายเคืองและดูแลผิวแพ้ง่ายไปแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายในการรักษาผิวอ่อนแอแพ้ง่ายนั้น ก็คือการสร้างเกราะให้กับผิว เพื่อผิวที่แข็งแรงและสุขภาพดีขึ้น ในขั้นตอนนี้ การฉีดมาเด้คอลลาเจน 16 จุด จะเป็นการช่วยฟื้นฟูผิวของเราได้จากภายใน สู่ภายนอก เป็นการป้องการการแพ้และการเกิดสิวในระยะยาวได้
และแน่นอนว่าปัญหาของผิวแพ้ง่าย อันดับต้นๆเลย คือ เป็นสิว ผิวที่เป็นสิวง่าย คือผิวอ่อนแอ ไม่แข็งแรง แต่ทั้งนี้ อย่าลืมว่า ผิวที่อ่อนแอ หรือเกิดการอักเสบและเป็นสิว ก็อาจเกิดจากผิวที่ติดสารสเตียรอยด์จากการใช้ครีมต่างๆก็ได้ค่ะ ซึ่งปัญหาเหล่านั้น ก็อาจสะสมมาเรื่อยๆ จนทำให้จากผิวที่เคยแข็งแรงก็อ่อนแอลง แพ้ง่ายขึ้น และพังในที่สุด
มาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) 16 จุด มีคุณสมบัติดังนี้
- ช่วย DETOX ล้างสารพิษสะสมบนผิวหน้า
- ช่วยฟื้นบำรุงอย่างล้ำลึก ถึงระดับเซลล์ผิว
- ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ
- ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหน้า
- ช่วยปรับความสมดุลให้กับผิวหน้า
- ช่วยทำให้รูขุมขนเล็กลง
- ช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิวหน้า
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
- ช่วยลดอาการผด และการเกิดสิวต่างๆ
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใส ดูมีสุขภาพดี
ที่กังนัมคลินิก มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ในการให้บริการฉีดมาเด้คอลลาเจน 16 จุด ด้วยประสบการณ์ในการทำงานที่มีมามากกว่า 8 ปี จึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัยและได้ผลอย่างแน่นอนค่ะ
ในส่วนของราคาของการฉีดมาเด้คอลลาเจน เริ่มต้นที่ 2,500.-/ครั้ง เท่านั้นค่ะ เมื่อเทียบกับประโยชน์ต่างๆที่ได้หลังฉีดแล้ว ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่า ควรแก่การจ่ายเพื่อให้ผิวของเราสวยแข็งแรง ไม่มีปัญหาไปนานๆค่ะ
สรุป
จากวิธีข้างต้นที่กล่าวมาทั้ง 5 วิธีนั้น เชื่อว่า ไม่มีวิธีที่ไหนที่จะสามารถป้องกันการเกิดสิวจากการใส่แมสก์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์หากเลือกทำเพียงแค่วิธีเดียว แต่หากอยากรักษาผิวหน้าของเราไว้ให้ดีที่สุด ก็ควรทำควบคู่กันไปทั้ง 5 วิธีนะคะ เพื่อผิวสวยที่เรารักจะได้อยู่กับเราไปนานๆไม่มีปัญหาผิวมากวนใจค่ะ