เปิด 10 สูตร สครับผิวด้วยสมุนไพรจากก้นครัว

เปิด 10 สูตร สครับผิวด้วยสมุนไพรจากก้นครัว

รู้หรือไม่ว่าทำไมถึงใช้ครีมบำรุงผิวแล้วไม่ค่อยเห็นผล ทาเท่าไหร่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม เห็นผลช้า หมดกับค่าโลชั่นไปไม่รู้เท่าไหร่ นั่นอาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยได้สครับผิวนั่นเอง เพราะการสครับผิว จะช่วยทำให้ผิวหนังกำพร้าที่ตายแล้วหลุดออก พร้อมรับการบำรุงในขั้นต่อไป หรือใครที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน รู้สึกไม่สบายผิว ผิวเจอแต่มลภาวะ ดำคล้ำเสีย บทความนี้จะมาช่วยเผยสูตรสครับผิวที่สามารถทำเองได้ง่ายๆจากของในครัวที่บ้าน

การสครับผิว คือ อะไร

เป็นการขัดหรือถูเบาๆ บริเวณผิวหนังตามส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อให้ผิวหนัง หรือเซลล์ผิวส่วนที่ตายแล้วหลุดออก ให้ผิวได้เกิดการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวใหม่ และช่วยขจัดสิ่งสกปรกตามรูขุมขนอีกด้วย ยังช่วยเปิดรูขุมขนให้กว้างขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมผิวของเราให้พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นต่อไป ทำให้การบำรุงผิวของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น

การสครับผิวมีข้อดีอย่างไร

แน่นอนว่าการสครับผิวมีข้อดีในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกไปและยังช่วยให้ผิวพร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นต่อไป ยังมีส่วนช่วยในการเผยผิวกระจ่างใสลดริวรอยแก้ปัญหาแตกลาย ผิวเรียบเนียนขึ้นอีกทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นอีกด้วย

สิ่งที่นิยมนำมาสครับผิวกันนั้น มีทั้งแบบที่เป็นสำเร็จรูปที่เราสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า และ แบบธรรมชาติ ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาตินำมาผสมเป็นสูตรของตนเอง ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ซึ่งต่อไปเราจะมาแนะนำ 10 สูตร สครับผิวจากสมุนไพรธรรมชาติที่หาได้ง่ายจากในครัวที่บ้าน

10 สูตร สครับผิวสมุนไพร หาได้จากห้องครัว

1.มะขามเปียก

สุดยอดสูตรสครับผิวจากธรรมชาติขั้นพื้นฐาน ตัวเดียวเอาอยู่ เรียกว่า เป็นไอเทมกันตายสำหรับการสครับผิวได้เลย สครับผิวสำเร็จรูปส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของมะขามจะมีให้เห็นอยู่มาก

วิธีการเตรียม : นำมะขามเปียก นำมาในปริมาณที่พอเหมาะสำหรับส่วนที่ต้องการจะขัด จากนั้นนำไปแช่น้ำ แนะนำให้แช่ไปทั้งแกนเพราะความหยาบตัวแกนจะเป็นตัวช่วยในการสครับผิวได้ด้วย แช่น้ำให้มะขามเปียกจนนุ่มเล็กน้อย จากนั้นนำมาขัดผิวเบาๆประมาณ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณ : ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยลดความหมองคล้ำ ผิวกระจ่างใสขึ้น

2.น้ำผึ้ง + น้ำตาลทรายแดง

เพียงแค่น้ำผึ้งกับน้ำตาลทรายแดงก็ช่วยให้ผิวสวยได้ เป็นสูตรสครับผิวที่ทำได้เองไม่ยาก วัตถุดิบก็หาได้ง่ายเช่นเดียวกัน และยังเป็นสูตรที่นิยมมาสครับริมฝีปากเพื่อความเนียนนุ่มอีกด้วย

วิธีการเตรียม : นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำตาลทรายแดง ให้ปริมาณของน้ำผึ้งมากกว่าเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อสครับใช้งานง่ายต่อการสครับผิว จากนั้นผสมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันและนำมาสครับผิวเบาๆ
สรรพคุณ : ช่วยเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว เนียนนุ่มน่าสัมผัส

3.กากกาแฟ + น้ำผึ้ง + โยเกิร์ต

ใครที่เป็นคอกาแฟมีเครื่องทำกาแฟอยู่ที่บ้านอย่าทิ้งกากกาแฟไปเฉยๆ เพราะมันนำมาสครับผิวได้ ต้องยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งสูตรยอดนิยมเช่นเดียวกัน และสูตรนี้พิเศษที่สามารถนำขัดผิวได้ทุกวันอีกด้วย

วิธีการเตรียม : นำกากกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ โยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ และ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้าด้วยกัน หากไม่เพียงพอสามารถผสมเพิ่มเติมจากอัตราส่วนเดิมได้ และนำมาขัดเบาๆบริเวณผิวที่ต้องการเบาๆ และทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณ : ดูดสารพิษและสิ่งสกปรกออกจากผิว ขจัดผิวที่แห้งกร้าน ให้ผิวเปล่งปลั่งชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น

4. มะขาม + ขมิ้นชัน + นมสด

ใครที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ อยากขาวเปล่งปลั่ง อยากปรับสีผิวให้เรียบเรียน ไม่ควรพลาดสูตรนี้ เตรียมตัวขโมยสมุนไพรของแม่จากในครัวได้เลย

วิธีการเตรียม : ปั่นมะขามให้เหลือกากไว้สำหรับขัดผิว ผสมกับขมิ้นชันที่ปั่นละเอียดแล้ว และนำทั้งสองอย่างไปผสมกับนมสดให้เข้ากัน ค่อยๆเทนมสดเพื่อให้ได้เนื้อสครับที่ต้องการ จากนั้นนำมาสครับผิวละพอกทิ้งไว้ ประมาณ 5 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณ : ช่วยในเรื่องของการรปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เรียบเรียนและกระจ่างใส และ ยังช่วยเรื่องผิวเนียนนุ่มจากนมสดอีกด้วย

5. เกลือ + น้ำมันมะกอก

แค่เกลือแกงเม็ดละเอียดกับน้ำมันมะกอกก็สามารถช่วยให้ผิวของเราดูดีขึ้นมาได้โดยเฉพาะผิวที่แตกลายอีกด้วย

วิธีการเตรียม : นำสองอย่างมาผสมเข้าด้วยกันในปริมาณที่พอๆกัน หรือสามารถเพิ่มเกลือได้หากเนื้อสครับเหลวเกินไป จากนั้นนำมาสครับผิววนเบาๆในบริเวณผิวที่ต้องการจะขัด แนะนำให้เน้นบริเวณช่วงที่มีผิวแตกลาย
สรรพคุณ : น้ำมันมะกอกจะช่วยในเรื่องของผิวที่แตกลาย และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว เกลือมีช่วยในการขัดเซลล์ผิวที่ตายหลุดออกอย่างง่ายดาย

6.ดินสอพอง+ขมิ้น+แตงกวา

สูตรสครับผิวที่วัตถุดิบหาได้ง่าย ทำเองได้และยังมีสรรพคุณที่ดี ดินสองพองที่ใช้ในวันสงกรานต์ก็มีสรรพคุณที่ดีในการช่วยดูแลผิว และ แตงกวาก็เป็นส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งตัว เรามักจะเห็นแตงกวาเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ต่างๆมากมาย

วิธีการเตรียม : ปั่นขมิ้นชันจากนั้นเตรียมดินสอพองที่บดละเอียดและแตงกวาที่สับละเอียดแล้ว ผสมกับ ขมิ้นชันที่ปั่นไว้ เข้าด้วยกันจากนั้นขัดทั่วร่างกายและพอกทิ้งไว้ 15 ถึง 20 นาทีและล้างออก
สรรพคุณ : ช่วยในเรื่องของผิวแห้งหรือผิวที่มีปัญหาสิวผื่นคัน และยังช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสและความชุ่มชื่น

7.มะนาว + น้ำมันมะพร้าว + เกลือ

น้ำมันมะพร้าวเป็นอีกหนึ่ง ตัวช่วยในเรื่องผิว ที่เป็นที่นิยมมาใช้บำรุงผิวอีกตัวหนึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องผิวหลายอย่าง ฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังให้แข็งแรง เก็บรักษาความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนัง และป้องกันริ้วรอย

วิธีการเตรียม : ผสมเกลือและน้ำมันมะพร้าว ให้มีลักษณะหนืดเล็กน้อยจากนั้นบีบน้ำมะนาวลงไปขัดผิวเบาๆ3-5 นาที จากนั้นและล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณ : ช่วยในเรื่องของผิวกระจ่างใสลดรอยคล้ำและเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว

8. เปลือกส้ม + น้ำผึ้ง

ใครที่ชอบกินส้มอย่าเพิ่งทิ้งเปลือกส้ม นำมาผสมกับน้ำผึ้ง ก็สามารถเป็นสูตรขัดผิวได้อีกหนึ่งสูตร นอกจากอร่อยแล้วยังสามารถใช้เปลือกเผื่อมาดูแลผิวได้ดีอีกด้วย

วิธีการเตรียม : ปั่นเปลือกส้มให้ละเอียด นำมาผสมกับน้ำผึ้งหรือถ้าอยากได้เพิ่มความหยาบสามารถนำผสมกับน้ำตาลหรือเกลือได้ ขัดลงบนผิวและทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณ : เปลือกส้มอุดมไปด้วยวิตามินซีมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเรากระจ่างใส เรียบเนียนและเนียนนุ่มน่าสัมผัส

9. เกลือ+ นมสด+ ขมิ้นผง

อีกหนึ่งสูตรง่ายๆที่สามารถทำได้เอง วัตถุดิบหาไม่ยากหาได้จากในครัวที่บ้าน ขมิ้นเป็นสมุนไพรที่นิยมมากในสมัยก่อนรวมถึงปัจจุบันที่ช่วยผิวในเรื่องของความกระจ่างใจ

วิธีการเตรียม : เรือที่ใช้ให้เป็นเกลือทะเลเม็ดใหญ่ หนึ่งถ้วยตวงผสมเข้ากับขมิ้นผงประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะแล้วค่อยเติมนมสดลงไป สามารถเพิ่มปริมาณได้ตามเหมาะสม ผสมให้เข้ากันจากนั้นนำมาขัดผิวเบาๆ
สรรพคุณ : จะช่วยให้ผิวกระจ่างใสดูเปล่งปลั่งขึ้นเนียนนุ่มและทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกไปอย่างง่ายดาย

10. มะเขือเทศ + น้ำตาลทราย

คล้ายๆต่างรู้ดีเกี่ยวกับสรรพคุณของมะเขือเทศที่มีสารไลโคปีนสูง และยังเป็นส่วนผสมนิยม ในผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ช่วย ในการดูแลรักษาผิว

วิธีการเตรียม : หันมะเขือเทศเป็นแผ่นบางๆ จากนั้นนำไปจุ่มกับน้ำตาลทรายและนำมาขัดผิวให้ทั่วตัวขัดจนกระทั่งน้ำตาลละลายแล้วค่อยเปลี่ยนมะเขือเทศ พอกทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
สรรพคุณ : มะเขือเทศมีส่วนช่วยให้ ผิวชุ่มชื่นกระจ่างใส กักเก็บน้ำไว้ในผิวได้ดี และมีส่วนช่วยในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก

การเตรียมตัวก่อนการสครับผิว

ก่อนการสครับผิวทุกครั้งควรอาบน้ำก่อนเป็นอย่างแรกเพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวด้านนอกของเราออก จะทำให้การสครับผิวสามารถสครับไปถึงรูขุมขนได้ การสครับผิวส่วนใหญ่มักจะสครับด้วยมือแต่หากสครับผิวตัวสามารถใช้อุปกรณ์อื่นๆช่วยเพิ่มเติมได้แต่ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนต่อผิว เช่นใยบวบหรือฟองน้ำ แต่ควรสครับอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง

ควรสครับผิวบ่อยแค่ไหน

ระยะเวลาในการขัดผิวไม่ควรนานเกิน บริเวณที่ขาดไม่ควรเกิน 15 นาที การสครับผิวเป็น ขัดผิวหนังฉันนอกที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เพราะฉะนั้นการสครับผิวอาจจะทำให้ผิวของเรามีความบอบบางเล็กน้อย การสครับผิวควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละสองถึงสามครั้งขึ้นอยู่แต่ละสูตร หากสูตรไหนที่ใช้วัตถุดิบที่มีกรดสูงไม่ควรสครับเกินอาทิตย์ละสองครั้ง เพื่อป้องกันผิว

ข้อระวังในการสครับผิว

ไม่ควรสครับผิวบ่อยจนเกินไปเนื่องจากสภาพผิวของคนเราไม่เหมือนกัน ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังควรหลีกเลี่ยงการสครับผิวเช่นคนที่มีสิวอักเสบเป็นหนอง ผิวไหม้แดด หรือผิวแตกเนื่องจากการสครับผิวอาจจะทำให้เกิดการอักเสบที่ดูแลและติดเชื้อที่เป็นอันตรายได้ หากเกิดการระคายเคืองจากการสครับผิวควรหยุดสครับผิวและรีบไปพบแพทย์ทันที

วิธีการดูแลหลังสครับผิว

วิธีการดูแลผิวหลังจากการสครับผิวเนื่องจากการสครับผิวอาจจะทำให้ผิวบอบบางและอ่อนแอได้ง่าย และเพื่อไม่ให้ การสครับผิวรบกวนผิวมากเกินไปไม่ควรเกา ผิวหลังจากที่เพิ่งสครับอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองขึ้นได้ หลังจากการสครับผิวเช็ดตัวให้แห้งจากนั้นทาโลชั่นบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นทุกครั้งหลังการสครับผิวป้องกันผิวแห้งเสียและกระตุ้นผิวให้เกิดการฟื้นฟูและยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใสได้อีกด้วย ที่สำคัญหลังจากสครับผิว ควรจะ ต้องทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้งเพื่อป้องกันแสงแดดมาทำร้ายผิว

สรุป

การสครับผิวเป็นวิธีการดูแลผิวอีกวิธีหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้การบำรุงผิวของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันมีสครับผิวแบบสำเร็จรูปให้เลือกใช้มากมาย แต่การใช้สมุนไพรหรือวัตถุดิบธรรมชาติมาสครับก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ใช้ของออแกนิค มีมากมายหลายสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการและปัญหาของผิว แต่การสครับผิวไม่ควรสครับบ่อยเกินไปเพราะอาจจะทำให้ผืวหนังเกิดการอักเสบได้ และหลังสครับผิวควรจะบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ