ผู้หญิงกับเสื้อในเป็นสิ่งที่เกิดมาคู่กัน แต่ถึงจะอยู่คู่กันเนิ่นนาน เชื่อว่าหลายคนต้องเคยมีปัญหากับการเลือกไซส์ที่ใช่กันมาแล้วแน่นอน ไม่แน่นไปจนหายใจลำบาก ก็ใหญ่เกินไปจนเหลือช่องให้ลมลอดผ่านบ้างล่ะ วันนี้เราเลยจะแชร์วิธีเลือกไซส์เสื้อในให้ตรงกับหน้าอกหน้าใจง่ายๆ ใน 7 วิธี ให้ลองเอาไปปรับใช้กันได้เลยค่ะ
วิธีที่ 1 วัดไซส์คัพและขนาดรอบตัว ด้วยหน่วยเซนติเมตร
ก่อนที่จะไปวัดไซส์กัน ก็ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ไซส์ของเสื้อในที่สาวๆ ใส่นั้น ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ขนาดคัพและขนาดรอบตัว อย่างที่สาวๆ จะเห็นจากเสื้อในทั่วไป ที่จะมีไซส์ A/70 หรือ B/75 นั่นเอง ซึ่งวิธีการวัดไซส์แบบแรกนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนย่อยตามนี้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 วัดขนาดหน้าอกเพื่อใช้คำนวณหาคัพ
เริ่มแรกเลยต้องรู้ขนาดรอบอกของเราก่อน โดยให้วัดตรงกลางหน้าอกช่วงที่ชูชันที่สุดได้เลยค่ะ แนะนำว่าควรถอดเสื้อในออกก่อน แล้ววัดไปที่หน้าอกโดยตรงด้วยเหน่วยเป็นเซนติเมตร เพื่อให้คำนวณหาขนาดคัพได้ง่ายขึ้น วัดเสร็จแล้วก็ทดเก็บไว้ในกระดาษก่อนนะคะ เพราะยังไม่ใช่ไซส์ที่แท้จริง แต่จะนำส่วนนี้ไปคำนวณเพื่อหาไซส์คัพในขั้นตอนที่ 3
ขั้นตอนที่ 2 หาขนาดรอบตัว
หลังจากขั้นตอนแรกเสร็จ ก็มาต่อด้วยการวัดขนาดรอบตัวได้เลย ให้ใช้หน่วยเป็นเซนติเมตรเช่นเดียวกันกับขั้นตอนแรก โดยวัดที่บริเวณฐานใต้หน้าอกหรือตรงราวนม จะได้เป็นไซส์รอบตัวของเรา เทียบได้ตามนี้เลย
63 - 67 ซม. = ไซส์ 65
68 - 72 ซม. = ไซส์ 70
73 - 77 ซม. = ไซส์ 75
78 - 82 ซม. = ไซส์ 80
83 - 87 ซม. = ไซส์ 85
88 - 92 ซม. = ไซส์ 90
ขั้นตอนที่ 3 คำนวณไซส์คัพ
ขั้นตอนสุดท้ายก็จะเป็นการคำนวณไซส์คัพ โดยให้นำเอาขนาดรอบอกที่ได้ในขั้นตอนที่ 1 หักลบกับ ขนาดรอบตัวที่วัดได้ในขั้นตอนที่ 2 (ขั้นตอน 1 - ขั้นตอน 2) ก็จะได้ออกมาเป็นส่วนต่างที่ไว้ใช้เทียบคัพของเราตามด้านล่างนี้ค่ะ
คัพ A ส่วนต่างระหว่าง 9 -11 ซม.
คัพ B ส่วนต่างระหว่าง 11.5 – 13.5 ซม.
คัพ C ส่วนต่างระหว่าง 14 -16 ซม.
คัพ D ส่วนต่างระหว่าง 16.5 – 18.5 ซม.
คัพ E ส่วนต่างระหว่าง 19 -21 ซม.
ยกตัวอย่าง นางสาว A รอบอก 82 รอบตัว 70 ให้เอา 82 – 70 = 12 จะเทียบได้เป็นคัพ B
ซึ่งพอนำไซส์คัพและไซส์รอบตัวมารวมกัน ก็จะได้เป็นไซส์เสื้อใน B/70 นั่นเอง
วิธีที่ 2 วัดไซส์คัพและขนาดรอบตัว ด้วยหน่วยเป็นนิ้ว (Inches)
ถ้าสาวๆ ชอบใช้เสื้อในหลายแบรนด์สับเปลี่ยนกันไป จะรู้ว่าแต่ละแบรนด์ใช้หน่วยไซส์รอบตัวต่างกัน ทั้งแบบที่ใช้หน่วยเซนติเมตรซึ่งเราได้บอกขั้นตอนการวัดไว้แล้วในวิธีที่ 1 หรืออีกแบบที่ใช้หน่วยวัดเป็นนิ้ว ซึ่งจะเหมาะกับวิธีวัดแบบที่ 2 โดยมีขั้นตอนตามนี้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 วัดไซส์รอบใต้อก
สำหรับวิธีนี้ให้เริ่มวัดจากขนาดรอบใต้อกก่อน ตรงบริเวณราวนม โดยใช้หน่วยวัดเป็นนิ้ว จะได้ออกมาเป็นไซส์รอบตัวที่แท้จริงของเราเลย
แต่ยังไม่จบเท่านี้ เพราะเราต้องนำขนาดรอบตัวไปคำนวณหาไซส์คัพอีกที โดยให้นำรอบใต้อกที่วัดได้ บวกเพิ่มเข้าไป 5 นิ้ว เช่น วัดรอบใต้อกได้ 31 ก็จะเป็น 31 + 5 = 36 นิ้ว เท่ากับว่าในขั้นตอนนี้ สาวๆ จะได้ตัวเลขมา 2 อันด้วยกัน คือ ไซส์รอบใต้อกตามจริง และไซส์รอบใต้อกที่บวกเพิ่ม 5 นิ้ว สำหรับใช้หาคัพต่อ ให้เราทด 2 เลขนี้ไว้ในกระดาษค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 วัดรอบอก
ถัดมาให้วัดรอบอกในส่วนที่กว้างที่สุดโดยใช้หน่วยเป็นนิ้ว แล้วจดไว้ตามจริงค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 คำนวณหาไซส์คัพ
ให้นำขนาดรอบใต้อกแบบบวกเพิ่ม 5 นิ้ว ที่ทดไว้ในขั้นตอนที่ 1 หักลบกับ ขนาดรอบอกที่วัดในขั้นตอนที่ 2 (ขั้นตอนที่ 1 แบบบวกเพิ่มแล้ว - ขั้นตอนที่ 2) เราจะได้ออกมาเป็นส่วนต่างที่ใช้ระบุไซส์คัพ เทียบได้จากด้านล่างนี้นั่นเอง
คัพ A ส่วนต่าง 1 นิ้ว
คัพ B ส่วนต่าง 2 นิ้ว
คัพ C ส่วนต่าง 3 นิ้ว
คัพ D ส่วนต่าง 4 นิ้ว
คัพ E ส่วนต่าง 5 นิ้ว
ทีนี้เวลาเลือกไซส์เสื้อใน ก็ยึดไซส์คัพตามที่คำนวณได้จากขั้นตอนที่ 3 และไซส์รอบตัวที่วัดได้ตามจริงในขั้นตอนที่ 1 ประกอบกัน เพื่อเลือกเสื้อในได้อย่างพอดีตัว
วิธีที่ 3 เลือกบราจากรูปทรงของหน้าอก
วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยให้เราได้เสื้อในขนาดพอดีตัว เพราะถึงจะรู้ขนาดคัพและขนาดรอบตัว แต่ถ้าเลือกทรงเสื้อในที่ไม่เข้ากับทรงหน้าอก ก็อาจได้เสื้อในที่หลวมเกินไป หรือรัดแน่นเกินไป เมื่อใส่ในระยะยาวอาจทำให้หน้าอกเปลี่ยนรูป รวมถึงส่งผลต่อสุขภาพได้เลย ทีนี้ก่อนจะเลือกให้เหมาะสม สาวๆ ก็ต้องมาดูกันว่า ทรงหน้าอกของตัวเองเป็นแบบไหน
ทรงหน้าอกแบบไหนเหมาะกับบราทรงอะไร?
แบบที่ 1 ทรงเชอร์รี
ลักษณะ : เนื้อเนินอกน้อย ฐานเต้าด้านล่างค่อนข้างเล็ก
เหมาะกับ : Push up bra หรือเสื้อในที่เสริมฟองน้ำ
แบบที่ 2 ทรงเลมอน
ลักษณะ : ฐานอกกว้าง มีเนื้อที่ด้านล่างเต้าเยอะ แต่ปลายอกไม่ชูขึ้น
เหมาะกับ : บราทรงสามเหลี่ยม เพื่อช่วยเก็บเนื้ออกด้านข้างให้ทรงสวยขึ้น
แบบที่ 3 ทรงลูกแพร์
ลักษณะ : เนื้อเนินอกน้อย ส่วนเต้าทั้งหมดหย่อนลงไปกองด้านล่าง
เหมาะกับ : T-shirt bra หรือ Push up bra ที่มีส่วนลำตัวหนา สำหรับช่วยพยุงอกให้ตั้งขึ้น
แบบที่ 4 ทรงแอปเปิล
ลักษณะ : เต้ากลมสวย หน้าอกชูเชิดขึ้นได้รูป
เหมาะกับ : บราทุกแบบที่มีฐานเป็นทรงกลม
แบบที่ 5 ทรงสตรอว์เบอร์รี
ลักษณะ : หน้าอกเล็ก ห่าง เนินอกหย่อนคล้อย
เหมาะกับ : เสื้อในแบบติดตะขอด้านหน้า เพื่อกระชับหน้าอกให้ชิดหากัน
นอกจากนี้ก็ยังมีหน้าอกแบบไม่สมมาตร คือเต้า 2 ข้างมีขนาดไม่เท่ากัน ทรงนี้ก็จะเหมาะกับบราที่ถอดฟองน้ำได้ สำหรับถอดหรือเพิ่มฟองน้ำเพื่อให้สวมออกมาดูหน้าอกเท่ากันทั้งสองข้างค่ะ
วิธีที่ 4 เลือกวัดไซส์ในช่วงที่หน้าอกมีขนาดปกติ
สำหรับสาวๆ แล้ว ก็ต้องมีทั้งช่วงที่ร่างกายสมดุล น้ำหนักและสัดส่วนคงที่ที่สุด กับช่วงที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านระหว่างเป็นประจำเดือน หรือก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ ซึ่งในช่วงนี้หน้าอกของเราจะขยายใหญ่ขึ้น จึงไม่ควรเลือกซื้อเสื้อในหรือวัดไซส์หน้าอกในช่วงนี้ค่ะ
วิธีที่ 5 วัดไซส์ใหม่ตามความเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง
โดยปกติร่างกายคนเรามักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด บางทีแค่ออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ก็กระทบต่อขนาดหน้าอกด้วยเช่นกัน หรือบางช่วงที่กินเยอะหน่อย หน้าอกก็อาจจะใหญ่ขึ้นตามไปด้วย บราตัวเก่าที่เคยใส่พอดีก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สาวๆ จึงควรวัดไซส์และเปลี่ยนเสื้อในใหม่ทุกๆ 6 เดือน หรือทันทีที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนั่นเอง
วิธีที่ 6 ลองใส่ให้ได้รู้กันไปเลย
ก็ลองมันเลยสิคะ!! นี่คือวิธีที่เราแนะนำมากที่สุด เพราะชัวร์ว่าพอดี 100% แต่ก็ต้องใส่ให้ถูกด้วยนะคะ โดยให้โน้มตัวลงเล็กน้อย ติดตะขออันนอกสุด แล้วโกยเนื้อหน้าอกทั้งหมดให้เก็บอยู่ในเต้าของเสื้อใน จากนั้นให้ลองขยับตัว ยกแขนขึ้นลง ดูว่าเสื้อในเราขยับตามมั้ย ถ้าขยับตามแปลว่ารอบตัวหลวมเกินไปค่ะ และต้องลองก้มดูว่าหน้าอกกับเสื้อในแนบสนิทกันดีมั้ย ควรมีช่องว่างเหลือให้สอดนิ้วเข้าไปได้ 1 นิ้วพอดี ถ้ามากหรือน้อยกว่านั้น ต้องเปลี่ยนขนาดคัพให้เหมาะสม
วิธีที่ 7 เทียบ 2 ขนาด ให้มั่นใจในความพอดี
บางครั้งเวลาเราลองสวมเสื้อในจะรู้สึกว่าใส่ได้แล้วแต่ยังไม่พอดี 100% ปัญหานี้แก้ได้โดยการลองเทียบกัน 2 ไซส์ไปเลยค่ะ เช่น ถ้ารู้สึกขนาดคัพไม่พอดี ให้ลองเทียบกันเลย จะระหว่าง B กับ C หรือ C กับ D ก็ได้ ตามที่ใส่จริง และหากขนาดรอบตัวยังไม่ตอบโจทย์ ก็สามารถเทียบได้เช่นกัน ไม่ว่าจะ 70 กับ 75 หรือ 75 กับ 80 ตามสะดวก
สรุป
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 7 วิธีเลือกวัดไซส์เสื้อในง่ายๆ ที่เอามาฝากทุกคนค่ะ จะเห็นว่าหน้าอกของเรามีความเฉพาะเจาะจงมาก ทั้งขนาด รูปทรง และเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา แต่ไม่ว่าจะมีหน้าอกแบบไหน ไซส์เล็กหรือใหญ่ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเลือกขนาดบราให้พอดี กระชับหน้าอก คงรูปทรงที่สวยงามไปยาวๆ รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพด้วยค่ะ ขอแค่เรามั่นใจ จะใส่ไซส์ไหนก็สวยทั้งนั้น