สถานการณ์ปัจจุบันที่ทำให้ใครหลายคนผ่านการกักตัวอยู่บ้านมานานจนเริ่มไม่ชินกับร้านเสริมสวย ยิ่งการทำเล็บที่เคยปิดซาลอนมานับเดือนด้วยแล้ว ขอบอกเลยว่าเข้าครั้งล่าสุดเกือบ 2 ปีได้ นาทีนี้ก็ต้องเริ่มฝึกสกิลทำเอง แค่มีเครื่องอบเจ็บที่บ้าน ทำซ้ำได้เรื่อยๆ คุ้มค่า หรือจะเปิดทำให้เพื่อนด้วยก็ยิ่งเริ่ด แต่สำหรับมือใหม่ การเริ่มทำด้วยตัวเองครั้งแรกอาจจะมีงงๆ บ้าง ไม่รู้ต้องเริ่มตรงไหน หรือกลัวออกมาผิดพลาด ไม่ต้องกังวลไปค่ะ บทความนี้เราจะมาบอกขั้นตอนการทำเล็บเจล 7 วิธี สวยติดทน ทำง่าย แต่เป๊ะเหมือนออกจากร้าน ใครที่เคยทำหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่ปังก็มาส่องเทคนิคไปพร้อมกันได้ ต้องทำอย่างไรบ้างตามมาดูเลย
รู้จักเครื่องอบเล็บเจลและวิธีเลือกให้เหมาะสม
ปัจจุบันเครื่องอบเล็บเจลมี 2 แบบที่เป็นที่นิยม นั่นก็คือ เครื่องอบด้วยแสง UV และเครื่องอบแบบ LED โดยตัวเครื่อง LED จะใช้เวลาในการอบค่อนข้าน้อยกว่าและไม่มีผลข้างเคียงที่ทำให้มือคล้ำเหมือนตัว UV และสีเจลที่เป็นเจล UV ก็ต้องใช้กับเครื่องอบ UV เท่านั้น แต่ถ้าเป็นสีเจล LED/UV สามารถอบได้ด้วยเครื่องทั้งสองแบบ วิธีเลือกเครื่องอบให้ได้เครื่องคุณภาพดีก็ต้องคำนึงถึงขนาด ราคา ฟังก์ชั่นการใช้งาน (บางรุ่นมีเคลมเรื่องช่วยให้มือขาวด้วย) และจำนวนวัตต์ ที่จะช่วยเรื่องประหยัดไฟได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อให้เลือกมาก แนะนำให้เลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐานก็จะปลอดภัย และใช้งานได้คงทนที่สุด
เตรียมอุปกรณ์พร้อมสำหรับทำเล็บเจล
ก่อนจะเข้าสู่วิธีทาเล็บเจล ก็ขอเริ่มจากส่วนแรกและสำคัญที่สุดนั่นก็คือการเตรียมอุปกรณ์ โดยสิ่งที่ต้องใช้สำหรับทำเล็บเจล มีทั้งสิ้น 11 ชิ้นด้วยกัน ตามลิสต์ด้านล่างนี้นั่นเอง
-กรรไกรตัดหนัง
-ที่ตะไบเล็บแบบฟองน้ำ
-สีไพรเมอร์
-สีเบส
-แปรงที่มีขนนุ่มๆ
-สีเจลทาเล็บ
-ท็อปโค้ด
-แคร์เจล
-เครื่องอบเล็บเจล
-ที่ดันหนัง
-แอลกอฮอล์และสำลี
ถ้าเตรียมอุปกรณ์ครบตามนี้แล้วก็เริ่มขั้นตอนวิธีการทำเล็บเจลได้เลย
1. เตรียมหน้าเล็บให้พร้อมลงสี
ปกติเวลาที่เราไปทำเล็บในร้านจะสังเกตว่าพนักงานมีการตัดแต่งเล็บให้เป็นอย่างดี นั่นก็เพราะจะช่วยให้เล็บของเราทาออกมาโดดเด่น ไม่มีเนื้อหรือหนังด้านข้างมาแย่งซีน เพราะฉะนั้นถึงแม้จะทำเอง ถ้าอยากให้ภาพรวมออกมาสวยปังก็ควรต้องใส่ใจกับขั้นตอนนี้ด้วย โดยให้เริ่มจากใช้ที่ดันหนังดันหนังกำพร้าบริเวณเล็บออก จากนั้นใช้ตะไบฟองน้ำถูที่เล็บเบาๆ ให้เล็บมีความเรียบขึ้น เพิ่มความ shiny ให้กับเล็บ แล้วใช้แปรงปัดเศษเล็บออก จากนั้นทำความสะอาดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ ปิดท้ายด้วยการตัดหนังด้านข้างด้วยกรรไกตัดหนัง ก็เป็นอันพร้อมสำหรับขั้นตอนถัดไป
2. ลงไพรเมอร์ปรับสภาพเล็บ
การลงสีไพรเมอร์นอกจากจะช่วยให้ผิวเล็บเรียบเนียน ทาสีเจลง่ายขึ้น ติดทนแล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราได้ด้วย เพราะบางทีเล็บของเราจะมีความชื้นอยู่ ตัวไพรเมอร์จะทำหน้าที่ไล่ความชื้นออก ดังนั้นจึงถือว่าเป็นขั้นตอนจำเป็นที่สาวๆ ไม่ควรข้าม ถ้าอยากให้เล็บออกมาปังและอยู่นานขึ้นได้นั่นเอง สำหรับขั้นตอนนี้ทา 1 รอบก็เพียงพอแล้วค่ะ
3. ลงเบสเพิ่มความคงทน
หลังจากทีทาไพรเมอร์ และไพรเมอร์แห้งสนิทแล้ว ก็มาต่อที่ขั้นตอนรองพื้นที่สำคัญไม่แพ้กันเลยนั่นก็คือ การลงเบส เพราะจะช่วยให้สีเจลติดอยู่กับเล็บได้นานขึ้น ทริคก็คือให้ทาเบส 1 ชั้น แต่ทาให้บางทีสุดเพื่อความเป๊ะ เล็บไม่ออกมาดูนูนหนา จากนั้นให้นำไปอบในเครื่องอบเล็บเจล ซึ่งเวลาในการอบก็ขึ้นอยู่กับเบสแต่ละยี่ห้อ จะมีเขียนอยู่ที่ข้างขวด โดยปกติแล้วใช้เวลาอบประมาณ 120 วินาทีค่ะ
4. ทาแคร์เจลบำรุงเล็บ
ขั้นตอนนี้เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่หลายคนมองข้าม แต่จริงๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะการทาแคร์เจลจะเป็นตัวช่วยบำรุงเล็บ เนื่องจากว่าเล็บเจลของสาวๆ มีน้ำหนัก ความหนาแน่นสูง บางทีก็ทากันทิ้งไว้หลายสัปดาห์ อาจทำให้เล็บถูกทำร้ายได้ แคร์เจลก็จะมีหน้าทีบำรุงเล็บได้ดี ไม่ทำให้เล็บฉีก เปราะแตกง่าย สังเกตจากบางทีตอนล้างสีเจลแล้วเล็บลอก เปราะแห้ง ก็เป็นเพราะไม่ได้ทาแคร์เจลหรือทารุ่นที่คุณภาพต่ำนั่นเอง ใครที่ตั้งใจอยากทำเล็บเจลด้วยตัวเอง เราจึงแนะนำว่าควรซื้อมาติดบ้านแล้วใช้ทุกครั้งในการทำค่ะ สำหรับขั้นตอนนี้ให้ทา 1 รอบ โดยไม่ต้องเอาไปอบต่อ
5. ทาสีเจล 2 รอบ
ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนไฮไลต์ของการทาเล็บเจล ก็ต้องบอกว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้หลายคนมีเริ่มท้อและเหนื่อย ให้ฮึดสู้เข้าไว้ เพราะอีกอึดใจเดียวความสวยก็บังเกิด ซึ่งให้ทาสีเจล 2 รอบด้วยกัน รอบแรกแนะนำให้ทาให้บางที่สุด ไม่อย่างงั้นตอนอบเล็บจะไม่แห้งได้ค่ะ ทริคก็คือใช้พู่กันจุ่มสีออกมาแล้วปาดออกกับกระดาษทิชชู่ เพื่อเอาสีที่ติดมาในปริมาณมากเกินไปออกก่อน ไม่ลงตรงๆ ที่เล็บเลย เพราะอาจหนาเกินไปได้ ทาตั้งแต่โคนไปจนถึงปลาย ให้ปิดปลายเล็บด้วยจะยิ่งดี กันไม่ให้เล็บลอกง่ายได้ ครบทุกนิ้วให้เอาเข้าเครื่องอบ หลังจากที่อบเสร็จแล้วก็สามารถทาชั้นที่ 2 ต่อได้เลย หรือจะทามากกว่านั้นก็ได้หากสียังดูจางอยู่ เข้าอบอีกครั้งตามเวลาที่กำหนดด้านข้างขวด ก็เป็นอันจบขั้นตอน
6. ทาท็อปโค้ดเพิ่มวอลุ่ม
ท็อปโค้ดเป็นเหมือนตัวเคลือบที่จะทำให้เล็บของสาวๆ สวย ดูแวววาวมีมิติขึ้น เทคนิคก็คือให้ทาสีเคลือบหนากว่าที่ทาสีเจลประมาณ 2 – 3 เท่า เพื่อให้เกิดความเงามากยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้อาจทำให้เล็บหนาขึ้นเล็กน้อย และให้ทากว้างเกินออกมาจากส่วนของสีเจลได้เลย เพราะฉะนั้นตอนทาสีเจลเลยจำเป็นมากในการทาให้บางที่สุดเท่าที่ทำได้นั่นเอง เสร็จแล้วให้เช็กดูความเรียบร้อยว่าไม่มีท็อปโค้ดที่ติดอยู่กับหนัง ถ้ามีให้เช็ดออกให้หมด ก่อนเอาเข้าเครื่องอบตามเวลาที่กำหนดของยี่ห้อที่เลือกใช้ค่ะ
7. เช็ดเจลที่ไม่แห้งออก
ในบางครั้งเวลาที่เอาเล็บเข้าเครื่องอบก็อาจมีบางส่วนที่ไม่แห้งหลงเหลืออยู่ ดังนั้นหลังจากเข้าอบครั้งสุดท้าย ให้สาวๆ เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ มาวางทาบที่หน้าเล็บ แล้วเช็ดปาดออกจากโคนถึงปลาย ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความแรงในการเช็ดนิดนึงนะคะ ไม่ต้องกังวลว่าสีจะหลุด เพราะส่วนใหญ่จะแห้งติดไปกับเล็บแล้วเรียบร้อย ส่วนที่ต้องการเช็ดออกคือส่วนเกิน สามารถรูดแรงๆ ออกมากับสำลีได้เลย จากนั้นเช็กดูตามขอบเล็บว่ามีสีติดเกินไปด้วยมั้ย ถ้ามีให้ใช้ตะไบฟองน้ำวางที่ด้านหลังเล็บแล้วขัดออก เท่านี้ก็ครบ 7 วิธีเนรมิตเล็บเจลเหมือนทำที่ร้านแล้ว
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ 7 ขั้นตอนวิธีทำเล็บเจลด้วยตัวเองที่เรานำมาฝากกัน ขั้นตอนอาจจะดูเยอะและซับซ้อน แต่ถ้าได้ลองทำไปหลายๆ ครั้ง รับรองว่าคล่องมือแน่นอน นอกจากการทำตามเทคนิคอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว การเลือกสีเจล อุปกรณ์ และเครื่องอบเล็บเจลก็สำคัญมากไม่แพ้กัน เพราะต่อให้ฝึกทามาดีแค่ไหน แต่อุปกรณ์ไม่ได้ ผลลัพธ์โดยรวมก็ออกมาไม่ดีตามได้นั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจส่งผลให้เล็บเสีย ลอกง่าย เปราะบางได้ด้วย เพราะงั้นเลยอยากแนะนำให้ทุกคนเลือกดีๆ อย่าเห็นแก่ของที่ราคาถูกจนเกินไป เพราะหากพังขึ้นมาทีนึงแล้วแก้ยากมากๆ หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ และครีเอตเล็บของตัวเองได้ออกมาตามที่หวังค่ะ
อ้างอิง minna-beauty, jellymerry, morningkisslover