พอสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้น มีการคลายล็อคดาวน์มากขึ้น จึงทำให้ช่วงนี้ผู้คนต่างให้ความสนใจในการเริ่มออกไปเที่ยวนอกบ้านกันมากขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะไปชอปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า ไปถ่ายรูปตามคาเฟ่ต่างๆที่สนใจ หรือจะเป็นการออกไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อสูดบรรยากาศที่บริสุทธ์ตามสถานที่ที่อยากไป สถานที่ยอดฮิตที่ผู้คนต่างให้ความสนใจไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือทะเล แต่สถานที่ต่างๆก็ต่างมีปัจจัยเดียวกันที่เป็นสิ่งก่อกวนหรืออุปสรรค นั่นก็คือแสงแดดนั่นเอง แสงแดดนั้นมีแสงรังสี UV ที่ทำให้เกิดผลเสียต่อผิวของเราได้ ทั้ง ทำให้ผิวคล้ำหมอง ก่อให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ อาจทำให้ตาเป็นต้อกระจก ผิวหนังเสียกาย หรือร้ายแรงที่สุดอาจจะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ พอจะออกไปเที่ยวแต่ละทีก็กลัวว่าถ้าออกไปแล้วจะดำไหมนะ ทาครีมกันแดดก็ไม่รู้ว่าจะปกป้องผิวเราจากแสงรรังสี UV ได้มากแค่ไหนกัน แล้ววิธีที่เราทาครีมกันแดดมาตลอดเราทาถูกต้องและมีประสิทธิภาพหรือเปล่านะ แล้วถ้าทาครีมกันแดดไม่ถูกวิธีจะปกป้องผิวเราได้ 100 เปอร์เซ็นต์จริงๆหรือป่าว วันนี้เราเลยมี 7 วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อความติดทนระหว่างวันยิ่งขึ้น และได้ประสิทธิภาพมาฝากกัน เพื่อปกป้องผิวของเราได้อย่างเต็มที่ห่างไกลจากการโดนทำร้ายจากแสงแดดตัวร้ายได้ ถ้าพร้อมแล้วนั้น เราไปดูวิธีที่ถูกต้องกันเลย
ครีมกันแดดเป็นครีมที่มีสารที่ช่วยปกป้องผิวเราจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี(UV) ช่วยให้ผิวไม่ถูกทำลายจนไหม้และเกิดจุดด่างดำ ซึ่งส่วนผสมในครีมกันแดดจะปกป้องผิวของเราด้วยวิธีต่างๆ ทั้งดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลต ปกป้องชั้นผิวที่อยู่ลึก หรือสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตกลับออกไป โดยครีมกันแดดนั้นมีทั้งแบบครีมโลชั่น แบบเจล แบบขี้ผึ้ง หรือแบบสเปรย์ แต่ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับ 7 วิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและได้ประสิทธิภาพ เราต้องรู้จักวิธีการเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลกันก่อน มาเริ่มดูกันเลยว่าแต่ละผิวต้องใช้ครีมกันแดดอย่างไร ผิวมันเหมาะสมกับการเลือกครีมกันแดดแบบที่เนื้อบางเบา ซึมเข้าผิวได้ง่าย เป็นเนื้อน้ำไม่อุดตัน ผิวแห้งเหมาะสมกับการเลือกครีมกันแดดแบบที่เป็นเนื้อครีม มีความชุ่มชื้นเล็กน้อยเพื่อที่จะไม่ทำให้ผิวแห้งและตึง และผิวแพ้ง่าย เหมาะสมกับการเลือกครีมกันแดดแบบที่เป็นสเปรย์หรือเนื้อเซรั่ม ควรเลือกค่า SPF สูงๆ เพราะคนผิวแพ้ง่ายมีผิวที่ไวต่อแสงแดดเป็นอย่างมาก แม้จะเลือกครีมกันแดดให้เข้ากับแต่ละสภาพผิวแล้วควรเลือกครีมกันแดดที่สามรถปกป้องผิวเราจากรังสี UVA และ UVB ให้ครบทั้ง 2 ชนิดเพื่อการปกป้องผิวที่ดี และควรเลือกค่า SPF ตั้งแต่ค่าอย่างน้อย SPF 30 และเป็น PA+++ ด้วยเพื่อปกป้องผิวเราได้อย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องควรทาครีมกันแดดให้ถูกวิธีด้วยเพื่อที่จะสามารถช่วยปกป้องผิวเราได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าพร้อมแล้วนั้นเราไปดู 7 วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องได้ประสิทธิภาพกันเลย…
วิธีที่ 1 ควรทาครีมกันแดดก่อนออกไปข้างนอกอย่างน้อย 15-30 นาที ก่อนออกไปข้างนอกนั้นเราควรเว้นช่วงระยะเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าครีมกันแดดนั้นจะเซตตัวและซึมเข้าสู่ผิวของเราเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่ใช่ว่าเมื่อทาครีมเสร็จแล้วจะซึมเข้าสู่ผิวทันที อาจจะต้องใช้เวลาซักเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อครีมซึมลงสู่ชั้นผิวและป้องกันผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเหนอะหนะที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเราไม่รอเวลาให้ครีมซึมลงสู่ผิว เมื่อออกไปเจอแสงแดดแรงๆ ทำให้เกิดเหงื่อครีมกันแดดที่เราทามาจะไหลออกไปตามเหงื่อของเราดังนั้นก็จะไม่สามารถปกป้องผิวของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีที่ 2 ปริมาณในการทาควรทาให้พอดีกับผิวของเราไม่มากหรือน้อยเกินไปเพราะปริมาณในการทาครีมกันแดดมีผลอย่างมากต่อการปกป้องผิวของเราจากแสงแดดและรังสี UV ปริมาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบริเวณใบหน้าและลำคอคือเท่ากับเหรียญ 10 บาท 2 ข้อนิ้ว หรือ 1 ช้อนชา ถ้ารู้สึกว่าซึมช้าหรือเหนอะหนะสามารถแบ่งทา 2 รอบได้และปริมาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบริเวณลำตัว แขน ขา แผ่นหลังคือ 1 แก้วช็อต หรือ 30 ออนซ์ โดยควรทาครีมกันแดดหลังจากการลงโลชั่นหรือครีมอื่นๆ ไม่ควรทาครีมหรือโลชั่นอื่นๆทับลงไปหลังจากทาครีมกันแดด
วิธีที่ 3 คอยเติมครีมกันแดดในระหว่างวันทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อให้ผิวของเราได้รับเกราะปกป้องอย่างเต็มที่ เนื่องจากเมื่อเราออกไปเจอแสงแดดที่แรงๆ บวกกับเหลื่อที่ออกนระหว่างวันจะทำให้ครีมกันแดดที่เราทานั้นมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวเราลดลง เมื่อออกไปไหนจึงควรพกครีมกันแดดหลอดเล็กๆเพื่อนำไปทาเพิ่มในระหว่างวัน แต่ถ้าไม่ได้เจอแดดตลอดเวลาหรือเจอแดดน้อยมากๆ คอยเติมช่วงกลางวันแทนได้
วิธีที่ 4 ไม่ควรนำกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวกายมาใช้กับผิวหน้า เพราะครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวกายนั้นมีความเข้มข้นของส่วนผสมที่มากกว่าครีมกันแดดที่ใช้กับผิวหน้า โดยบริเวณร่างกายเรานั้นมีความหน้ากว่าผิวหน้าของเรา เราจึงไม่ควรนำมาทาเพราะอาจจะเกิดการแพ้ขึ้นได้ แต่ถ้าเรานำครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวหน้าไปทาในผิวกายนั้นสามารถทำได้แต่อาจจะเกิดการสิ้นเปลืองมากๆโดยไม่จำเป็น ทางทีดีควรใช้ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิวจะดีที่สุด
วิธีที่ 5 ควรใช้ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่จะทำ เช่นหากต้องไปทำกิจกรรมในน้ำ ไปเล่นน้ำทะเล หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อมากๆ ก็ควรเลือกครีมกันแดดชนิดที่กันน้ำและกันเหงื่อ ฉลากระบุว่า “Water Resistant” เพื่อให้ครีมกันแดดยังคงประสิทธิภาพเป็นเกราะป้องกันผิวเราไว้ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมไม่ให้ครีมกันแดดไหลออกจากผิวไปจนหมด แต่ถึงอย่างไรเวลาลงน้ำก็ควรคอยเติมครีมกันแดดเพิ่มเพราะไม่ใช่ว่าประสิทธิภาพจะไม่ลดลง เวลาที่เหมาะสมคือควรหมั่นทาซ้ำทุก 40 นาทีจะเป็นเวลาที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับครีมกันแดดกันน้ำ
วิธีที่ 6 ควรเก็บรักษาครีมกันแดดให้ถูกต้อง เพราะถ้าเราเก็บรักษาครีมกันแดดไม่ถูกวิธีจะทำให้ไปลดประสิทธิภาพของครีมกันแดดลง กลิ่นและเนื้อสัมผัสจะเปลี่ยนไปใช้ไม่ดีเหมือนเดิม อาจจะต้องทิ้งครีมกันแดดเร็วขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเราควรเก็บครีมกันแดดให้ถูกต้อง ดังนี้ ไม่ควรเปิดฝาทิ้งไว้ให้อากาศเข้า ห้ามนำครีมกันแดดไปโดนแสงแดดและอากาศร้อนจัด เพราะครีมกันแดดจะเสื่อมสภาพเร็วและไม่ควรเก็บครีมกันแดดในห้องน้ำหรือตู้เย็นเพราะจะก่อให้เกิดความชื้นขึ้นได้
วิธีที่ 7 คอยหมั่นเช็ควันหมดอายุของครีมกันแดด โดยครีมกันแดดที่เปิดใช้แล้วนั้นมีอายุการใช้งาน 1 ปี และครีมกันแดดที่ยังไม่ได้เปิดการใช้งานจะมีระยะเวลาที่เก็บรักษาไว้ได้คือ 3 ปี ถ้าเราปล่อยครีมกันแดดทิ้งไว้นานแล้วไม่ได้หยิบนำมาใช้ ครีมกันแดดก็อาจจะเสื่อมสภาพลงได้ ทำให้ไม่สามารถปกป้องแสงแดดได้ดีเท่าที่ควรส่งผลให้กลิ่นและเนื้อสัมผัสเปลี่ยนตามไปด้วย ดังนั้นเราจึงควรใช้ครีมกันแดดให้หมดไปเป็นขวดๆจะดีที่สุด
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ 7 วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อความติดทนระหว่างวันยิ่งขึ้น ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เชื่อว่าหลายๆคนคงทาครีมกันแดดมาผิดวิธีกันบ้าง ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อเรารู้แล้วก็สามารถนำไปปรับเปลี่ยนวิธีการทาครีมกันแดดของเราให้ดีขึ้นได้ แต่ถึงอย่างไรครีมกันแดดก็ไม่สามารถปกป้องผิวเราจากแสงแดดและรังสี UV ได้อย่างสมบูรณ์ แต่เราควรหาวิธีอื่นๆมาปกป้องผิวเราร่วมด้วย ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดแรงๆและสวมเสื้อผ้าที่สามารถป้องกันรังสี UV ทับอีกชั้นได้เพื่อดูแลผิวเราได้ดียิ่งขึ้น หวังว่าทุกคนจะปลอดภัยจากการโดนแสงแดดทำร้ายผิวของเรานะคะ
ที่มา : cosmenet.in.th, wongnai.com, women.kapook.com