จมูกบานจนไม่มั่นใจ สาวคนไหนที่มีจมูกบาน จนสร้างความไม่มั่นใจ และ สร้างความกังวลใจให้แล้วหล่ะก็ วันนี้เรามี4วิธีแก้ไขจมูกบานของสาวๆ มาฝากกันค่ะ
ลักษณะของจมูกบาน
ลักษณะจมูกบาน หรือ จมูกชมพู่ คือมีจมูกที่ใหญ่คล้ายกับลูกชมพู่ โดยจะสังเกตได้ว่าปีกจมูกนั้นจะอยู่เลยหัวตาออกไป ซึ่งทำให้ใบหน้าของเราไม่ได้สัดส่วน เพราะใบหน้าส่วนกลางดูใหญ่และไม่รับกับบริเวณอื่น นอกจากนี้คนที่มีจมูกบาน ก็มักจะมีลักษณะรูจมูกกว้างร่วมด้วย
สาเหตุที่ทำให้ปีกจมูกบานมีอะไรบ้าง
1.ชั้นผิวจมูกภายนอก มีไขมันสะสมอยู่เยอะที่บริเวณปีกจมูก โดยให้สังเกตบริเวณจมูกจะดูกลมและนิ่ม
2.กล้ามเนื้อปีกจมูกที่มีการหดและคลายตัวมากจนเกินไป โดยให้สังเกตว่า ปีกจมูกจะมีการบานออกอย่างชัดเจน เมื่อมีการแสดงสีหน้า เช่นการพูด ยิ้ม หรือ หัวเราะ
3.กระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณปีกจมูกใหญ่เกินไป
วิธีสังเกตว่าจมูกบาน
คือ เวลาที่เรายิ้มหรือหัวเราะ ปีกจมูกจะการยกขึ้น ทำให้เห็นรูจมูกมากขึ้น เป็นสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อ
หรือ เมื่อจับเนื้อบริเวณปีกจมูกแล้วสามารถดึงผิวหนังขึ้นมาได้ มีเนื้อเยอะ โดยจะเกิดจากกรรมพันธุ์ซึ่งจะพบได้มากในคนเอเชีย
จมูกบาน แก้จมูกอย่างไรได้บ้าง ?
การแก้ปัญหาจมูกบานนั้นมีทั้งวิธีการผ่าตัด และไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งวิธีแก้ไขจมูกบานที่ได้ผลโดยไม่ต้องผ่านตัดวันนี้เรามีมาแนะนำกัน ดังนี้
1.บีบปลายจมูก ฝึกลมหายใจ
อาจจะเคยได้ยินเรื่องวิธีการบีบ การดันจมูกแบบต่าง ๆ ซึ่งวิธีแบบนี้เป็นการฝึกเกร็งกล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อเกิดความเคยชิน คล้ายการออกกำลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น โดยหวังว่าจะช่วยลดการเผยอของปีกและรูจมูกได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิธีนี้อาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน หรือในบางคนอาจจะไม่เห็นผลเลยก็ได้ ก็สามารถลองทำตามกันดูได้นะคะ เพื่อบางท่านอาจจะทำแล้วเห็นผล
- วิธีแรกเลยคือ การฝึกหายใจเพื่อลดขนาดรูจมูก
โดยการกดที่รูจมูกซ้ายเบาๆ และสูกลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ และปล่อยลมหายใจออกมาทางปาก ทำซ้ำแบบนี้ 5-10 นาที แล้วเปลี่ยนสลับข้าง ฝึกเป็นประจำทุกวันจะช่วยทำให้รูจมูกของคุณเล็กลงได้ - วิธีที่สอง คือ การใช้นิ้วมือบีบปลายจมูก
โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบที่ปลายจมูกเบาๆ และหายใจโดยที่เกร็งกล้ามเนื้อที่รูจมูกเอาไว้ ทำเช่นน้ ประมาณ 5 ครั้ง จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อที่จมูกแข็งแรง และมีขนาดเล็กลง ควรทำวันละครั้งไม่งั้นอาจเจ็บจมูกได้ค่ะ - วิธีที่สาม คือ การประคบเย็นที่จมูก
การประคบเย็นเป็นประจำทุกวัน นอกจากจะระบายความร้อนแล้วยังทำให้จมูกมีขนาดเล็กลง อีกทั้งยังทำให้รูขุมขนกระชับขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้สำหรับใครที่ไม่อยากมีรูจมูกบานไม่ควรนำนิ้วหรือสิ่งแปลกปลอมยัดเข้าไปที่รูจมูก ถ้าไม่อยากรูจมูกบานขอแนะนำว่าอย่าพยายามใช้นิ้วแคะจมูก หรือนำสิ่งแปลกปลอม เช่น ยาดม ยัดเข้าไปที่รูจมูก ถือเป็นอีกหนึ่งทางป้องกันที่ดีค่ะ
2.ร้อยไหมเก็บปีกจมูก
สำหรับใครที่ไม่อยากเจ็บตัวจากการผ่าตัดลดปีกจมูก การร้อยไหมเก็บปีกจมูก ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะร้อยไหมปีกจมูก เหมาะกับสำหรับผู้ที่มีปัญหาปีกจมูกใหญ่ ปีกจมูกบานและไม่อยากผ่าตัด เพราะกลัวเป็นรอยแผลเป็น การร้อยไหมปีกจมูกนั้นจะสามารถเก็บปีกจมูกให้แคบลงได้ แต่จะไม่ใช่การใช้ไหมดึงปีกจมูกเข้ามาโดยตรง แต่เป็นการปรับยกทรงจมูกทำให้สันจมูกดูคมชัดขึ้น
โดยการร้อยไหมเก็บปีกจมูก จะใช้ไหมละลาย pcl+plla อยู่ได้นาน 18 เดือน – 2 ปี หลังทำการร้อยไหมก็ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และไม่มีอาการช้ำ บวม นอกจากนี้ไหมยังสามารถไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อจมูกขึ้นมาเองได้ โดยไหมจะละลายหมดใช้เวลาประมาณ 3 ปี แต่จะยังเหลือคอลลาเจนที่สร้างขึ้นมาอีก 50% ดังนั้นผู้ที่ร้อยไหมเก็บปีกจมูก ปีกจมูกจะไม่ถึงกับกลับคืนสภาพเดิม แต่จะไม่เรียวแคบเท่าตอนที่มีไหมอยู่ สามารถร้อยเพิ่มเติมได้อีกตามความพึงพอใจของเรา ดังนั้นการร้อยไหมเก็บปีกจมูกจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่การปรับรูปทรงจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด
วิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัดและรู้สึกขาดความมั่นใจในการยิ้ม หรือถ่ายรูป แต่หากใครที่ต้องการจะร้อยไหมเก็บจมูก จำเป็นที่จะต้องให้แพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์ประเมินใบหน้า ดูก่อนว่าทรงจมูกเดิมนั้นเป็นอย่างไร เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการร้อยไหมเก็บจมูก ถ้าคนที่มีฐานจมูกเดิมอยู่บ้างและมีปัญหาจมูกบาน จึงจะสามารถใช้การร้อยไหมเก็บปีกจมูกแก้ไขปัญหาจมูกบานได้ แต่ในกรณีที่ทรงจมูกแบนและไม่มีฐานจมูก มีปัญหาเกี่ยวกับรูปทรงจมูกที่บานออกข้าง และอยากเก็บทรงจมูกให้ดูแคบเรียวขึ้น แนะนำให้ใช้วิธีการเสริมจมูก พร้อมตัดปีกจมูกจะเหมาะสมกว่า
3.โบท็อกลดปีกจมูก
โบท็อกลดปีกจมูกนั้นเป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่บริเวณปีกจมูกทั้งสองข้าง เพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณปีกจมูกที่ทำหน้าที่คลายตัวทำให้จมูกบานเรียกว่า ไดเลเตอร์ นาริส (Dilator naris) หรือ อะลาร์ นาซาลิส (Alar nasalis) โดยจะฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่บริเวณกล้ามเนื้อเหล่านี้ เพื่อควบคุมการหดและคลายตัวของปีกจมูก ทำให้ปีกจมูกที่ดูบานนั้นเรียวลง ช่วยลดขนาดปีกจมูก และทำให้ปีกจมูกไม่บานออกอีก เมื่อมีการพูด ยิ้ม หรือหัวเราะ ปีกจมูกจะเรียวเล็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ซึ่งโบท็อกซ์ลดปีกจมูกถือเป็นทางเลือกที่ได้ผลดีมากในเคสคนไข้ที่ต้องการลดปีกจมูก แต่ไม่อยากที่จะศัลยกรรม เพราะต้องใช้เวลาพักฟื้น และไม่ต้องการเสี่ยงกับการมีรอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดลดปีกจมูก โดยการโบท็อกลดปีกจมูกจะสามารถแก้ไขปีกจมูกบานได้ด้วยการใช้โบท็อกซ์ฉีดบริเวณกล้ามเนื้อปีกจมูกทั้งสองข้าง ประมาณ 15-25 ยูนิต หรือตามความเหมาะสมในแต่ละเคส จะไปเป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้การโบท็อกจมูกยังสามรถแก้ไขรอยย่นบริเวณสันจมูก นั่นก็คือริ้วรอยแนวนอนที่พาดผ่านบริเวณสันจมูกระหว่างคิ้ว หรือข้างจมูกได้อีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อมีการแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ หรือขมวดคิ้ว เป็นผลมาจากการหดตัวของกล้ามเนื้อจมูกที่เป็นกล้ามเนื้อที่มีหน้าที่ในการบีบอัดกระดูกอ่อนของจมูกส่งผลให้เกิดรอยย่นและมักจะปรากฏให้เห็นมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นตามการแสดงออกทางสีหน้า โดยการฉีดโบท็อกซ์บริเวณนี้จะใช้ 4-8 ยูนิตขึ้นกับคนไข้แต่ละเคส อีกทั้งฉีดโบท็อกจมูกนั้นสามารถทำให้จมูกโด่งขึ้นได้ ในเคสคนไข้ที่สันจมูกมีกระดูกที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว แต่มีไขมันและกล้ามเนื้อเยอะ การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยให้จมูกรัดแกน ทำให้เห็นแกนจมูกชัดขึ้น จึงทำให้จมูกดูเรียวและดูโด่งขึ้นนั่นเอง
การฉีดแบบนี้จะใช้โบท็อก ประมาณ 4-10 ยูนิตเท่านั้น การโบท็อกซ์จมูกนอกจากจะเป็นวิธีแก้จมูกบานที่ได้ผลดีโดยไม่ต้องพักฟื้นแล้วยังจะช่วยลดริ้วรอยสันจมูก และช่วยทำให้แกนจมูกชัดขึ้นอีกด้วย
4.ตัดปีกจมูก
การตัดปีกจมูกนั้นถือเป็นอีกวิธีการแก้ปัญหาจมูกบานได้อย่างเห็นผลชัดเจน และอยู่ได้แบบถาวร โดยการตัดแต่ง และเย็บส่วนเกินของจมูกให้ได้รูปทรงที่สวยงามตามที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดขนาดของรูจมูกได้อีกด้วย แต่การตัดปีกจมูกนั้นก็ต้องแลกมากับขั้นตอนของการผ่าตัด ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงตามมา เช่น จะมีแผล มีรอยเย็บ หรืออาการบวมที่เกิดขึ้นหลังจากทำเสร็จ และจะต้องพักฟื้น รอจนกว่าแผลผ่าตัดจะหายดี และจมูกดูเข้าที่
สำหรับใครที่ลดขนาดจมูกด้วยการตัดปีกจมูกจะต้องรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี รวมถึงจะดูแลตัวเองอย่างเป็นพิเศษ แต่หากใครทำแล้วยังรู้สึกกังวลกับการที่ปีกจมูกยังขยับเวลาที่พูด ยิ้ม หรือหัวเราะ ก็สามารถฉีดโบท็อกปีกจมูกร่วมด้วยได้เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และการทำผ่าตัดปีกจมูกนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับว่าปัญหาของปีกจมูกนั้นเป็นในลักษณะใด ซึ่งก่อนผ่าตัดปีกจมูก แพทย์จะทำการวัดขนาดของปีกจมูกที่จะตัด ฉีดยาชาเฉพาะที่ ทำการตัดปีกจมูกโดยระยะเวลาในผ่าตัดประมาณ 15-30 นาที โดยมีเทคนิคการดังนี้
- การตัดปีกจมูกที่ฐานด้านนอก ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปีกจมูกบานออกมาด้านข้าง การผ่าตัดวิธีนี้เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของปีกจมูกด้านข้างให้แคบลง โดยการตัดเอาเนื้อด้านข้างฐานจมูกออกประมาณ 1-2 มิลลิเมตร แล้วเย็บปิดแผลได้
- การตัดปีกจมูกด้านนอกและด้านในจมูก จะเหมาะสำหรับคนที่มีรูจมูกใหญ่ และมีปีกจมูกที่บาน โดยการผ่าตัดลดขนาดรูจมูก และปีกให้เล็กลง ทำให้รูปทรงของปีกจมูก ดูเรียวและเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
- การตัดด้านในที่ฐานจมูก เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูจมูกเล็ก แต่ต้องการลดความหนาของปีกจมูกด้านข้างให้เล็กลงด้วย โดยจะใช้วีธีการเปิดแผลตรงมุมปีกจมูกด้านใน และตัดเนื้อปีกจมูกออกประมาณ 1-2 มิลลิเมตร เพื่อลดความหนาของปีกจมูกได้โดยที่รักษาขนาดรูจมูกไว้เท่าเดิม
- การตัดปีกจมูกแบบซ่อนแผลด้านใน จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีรูจมูกกว้าง และแบน ทำให้ปีกจมูกดูเรียวเล็กอย่างเห็นได้ชัด และเป็นการลดขนาดของปีกจมูกโดยแผลของการผ่าตัดนั้นจะถูกซ่อนอยู่ด้านใน และบริเวณด้านใต้ปีกจมูก วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่นิยมทำกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะจะทำให้ไม่เห็นรอยแผลของการผ่าตัด
แต่อย่างไรก็ตามการตัดปีกจมูกนั้นจะเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาจมูกบานมาก หรือมีรูจมูกใหญ่ ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการโบท็อก หรือการร้อยไหมได้ และโดยส่วนมากการตัดปีกจมูกจะนิยมทำพร้อมๆกันกับการเสริมจมูก เพื่อปรับแต่งให้จมูกได้รูปทรงที่สวยและเข้ากับใบหน้ามากที่สุด และเป็นการลดขนาดรูจมูกให้เล็กลงอีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับจมูกบาน!! ไม่มั่นใจ แก้ไขได้ด้วย 4 วิธีนี้ ที่เรานำมาฝากเพื่อนๆกัน สนใจทำตามวิธีไหนก็ไปลองทำตามกันดูได้เลยนะคะ หวังว่าทุกคนจะมีจมูกที่สวยได้รูปรับกับใบหน้า และหมดกังวลเรื่องปัญหาจมูกบานไปเลยนะคะ