ผิวหน้าดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ยิ่งสาวๆ ที่อายุขึ้นเลข 2 เป็นต้นไป ยิ่งต้องเริ่มหันมาให้ความสนใจดูแลอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ มาดูแลอีกทีก็อาจสายเกินแก้ ในทางกลับกันเมื่อดูแลไว แม้ทำด้วยวิธีการธรรมชาติ ดูแลแบบพื้นฐาน การทำอย่างสม่เสมอก็จะทำให้ผิวดีขึ้นในระยะยาว อาจจะเห็นผลช้าหน่อยแต่เนียนนานก็น่าลอง
1.ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอแม้ไม่ได้ออกแดด
การทาครีมกันแดดเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนละเลย อาจเพราะขี้เกียจบ้าง คิดว่าไม่จำเป็นบ้าง หรือไม่ชอบความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตอนทา แต่อยากบอกว่าการทาครีมกันแดดแท้จริงแล้วคือวิธีดูแลผิวที่ดีที่สุด เพราะปัจจัยที่ทำให้ผิวเสียได้ร้ายแรงที่สุดนั้นมาจากแสงอาทิตย์นั่นเอง การหลีกเลี่ยง หรือการพกร่มไปใช้ระหว่างออกแดดบางครั้งก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากการหักเหของแสงที่ตกกระทบลงพื้นแล้วกลับเข้าสู่ผิวเราได้ แม้แต่วันที่อยู่บ้านก็ยังเสี่ยงโดนแสง UV ทั้งจากแดดที่ส่องเข้ามาและหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการทาครีมกันแดดที่กันได้ทั้ง UVA UVB และควรเลือกที่มี SPF สูง อย่างน้อย SPF30 ขึ้นไป ทาประมาณ 2 ข้อนิ้ว หรือขนาดเท่าเหรียญสิบ ก่อนออกแดดประมาณ 15 – 20 นาที จะทำให้ครีมกันแดดได้ประสิทธิภาพที่สุด ผลลัพธ์ของครีมกันแดดคือช่วยป้องกันไม่ให้เป็นฝ้า กระ ผิวคล้ำเสีย และเหี่ยวย่นได้ เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลผิวหน้าเลยค่ะ
2.สครับผิวหน้าสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
ในชั้นผิวหนังของสาวๆ ด้านบนสุดที่ตาเรามองเห็นจะมีเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคลอยู่ ซึ่งพอเวลาผ่านไปผิวหนังชั้นนี้จะเกิดการสะสมสิ่งสกปรก ทั้งที่ตกค้างจากการแต่งหน้า มลพิษ หรือการทำร้ายจากปัจจัยต่างๆ มีอายุไขที่อยู่ได้ระยะหนึ่งก็จะตายไปตามวงจรผิว เมื่อผิวหนังบริเวณนี้ตายไปแล้วไม่เกิดการกำจัด จะทำให้เซลล์ผิวหนังกลายเป็นขี้ไคลและฝังตัวอยู่ในรูขุมขน เกิดเป็นสิวอุดตันและความหมองคล้ำตามมา
การสครับผิวจะเป็นวิธีที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าเหล่านี้ทิ้งไป ทำให้ความหมองคล้ำและสิ่งสกปรกหลุดไป ส่งผลให้ผิวสามารถสร้างเซลล์ใหม่ที่มีความแข็งแรง กระจ่างใส มากกว่าขึ้นมาทดแทนได้ ดังนั้นจึงควรสครับเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อให้เกิดการผลัดเซลล์ โดยสามารถเลือกสูตรสครับได้ตามต้องการ ระวังอย่าออกแรงขัดมากเกินไป และบำรุงผิวหลังทำเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยค่ะ
3.ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด
ใน 1 วัน ผิวหน้าของสาวๆ ผ่านทั้งมลพิษทั้งควันรถ แสงอาทิตย์ กิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่การแต่งหน้า ซึ่งทำให้เกิดการสะสมความสกปรกบนผิวหน้า เช่น เหงื่อไคล เขม่า และคราบเครื่องสำอาง การทำความสะอาดผิวจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สาวๆ ที่อยากมีผิวหน้าสุขภาพดีต้องทำอย่างเคร่งครัดค่ะ
โดยในวันที่แต่งหน้า ให้ใช้ Make up remover ในการลบเครื่องสำอางออกก่อน ประมาณ 2 – 3 รอบ แล้วจึงล้างด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าอีก 1 ครั้ง แต่สำหรับวันที่อยู่บ้าน ไม่ได้มีการลงเมคอัพ ก็สามารถใช้เพียงโฟมล้างหน้าขั้นตอนเดียวได้ ระวังไม่ให้ถูแรงเกินไป และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อคงความชุ่มชื้นในผิว หรือแก้ปัญหาผิวเฉพาะคนร่วมด้วยได้นั่นเอง
4.ดื่มน้ำอย่างเพียงพอต่อร่างกาย
การดื่มน้ำเปล่า เป็นการดูแลร่างกายพื้นฐานที่ใครๆ ต่างรู้จักเป็นอย่างดี เพราะในร่างกายมีปริมาณน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญ ไม่ว่าจะในส่วนไหน ก็ต้องการน้ำไปหล่อเลี้ยง รวมถึงผิวหน้าก็เช่นกัน การดื่มน้ำจะสามารถเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวยืดหยุ่น แข็งแรง และดูสุขภาพดีได้จากภายใน ดีท็อกซ์สารพิษในผิว รวมทั้งป้องกันการเกิดผิวลอก แห้ง และปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้
แนะนำว่าควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรขึ้นไป แบ่งดื่มตลอดวันเพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ตลอด หรือหากกลัวดื่มไม่ถึง การดื่มน้ำตามตารางก็จะช่วยให้ทำง่ายขึ้น เช่น ดื่ม 1 แก้วหลังตื่นนอน, 2 แก้วในช่วงสาย, 1 แก้วทุกครั้งหลังมื้ออาหาร, 2 แก้วช่วงบ่าย, 2 แก้วช่วงค่ำ และ 1 แก้วก่อนนอน เพียงเท่านี้ก็สามารถดื่มได้ครบตามที่ร่างกายต้องการต่อวัน หรืออยากจะเลือกดื่มจากกระบอกขนาดใหญ่ที่มีเส้นเวลาขีดบอกปริมาณในการดื่มก็ได้เช่นกัน
5.รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ
การกินส่งผลโดยตรงกับผิว เหมือนประโยคที่บอกว่า “You are what you eat” ที่ไม่ได้เป็นเพียงเฉพาะกับรูปร่าง แต่กับผิวหน้าก็เช่นกัน ควรเน้นทานเป็นอาหารที่มีประโยชน์ หลากหลาย ครบ 5 หมู่ สัดส่วนเหมาะสม และตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ ไม่มากไม่น้อยเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ของหวาน และอาหารที่มีไขมันสูง ของทอดที่อมน้ำมัน
ซึ่งนอกจากการกินอาหารที่ดีแล้ว หากอยากบำรุงผิวเป็นพิเศษ ควรเพิ่มปริมาณของอาหารผิวได้เลย โดยอาหารที่ช่วยทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้นมีดังนี้
- ผลไม้ตระกูเบอร์รี หรือผลไม้ที่มีสีแดง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ ป้องกันริ้วรอย จุดด่างดำ เพิ่มความกระจ่างใสได้ดี
- ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว มีวิตามินซี ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส
- ผลไม้และผักที่มีสีส้มเหลือง เช่น แครอท ฟักทอง มีเบต้าแคโรทีน ปกป้องผิวจากแสง UV ได้
- ธัญพืชและถั่ว มีสารอาหารอย่างเบต้าแคโรทีน วิตามินบีรวม และกรดไขมันดี ช่วยฟื้นฟูผิวได้ดี ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์
- ถั่วเหลือง มีสารไอโซฟลาโวน ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนให้ควบคุมการทำงานของผิวได้ดี เพิ่มความกระจ่างใส ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง
- ปลาทะเล มีแร่ธาตุ สังกะสี และคอลลาเจน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการเกิดสิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ไม่อักเสบหรือแพ้ง่าย
6.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกาย มีประโยชน์คือช่วยให้ร่างกายสูบฉีดเลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ดี พร้อมกระตุ้นการขับของเสีย ทำให้ผิวหน้าดูมีสุขภาพดีตามไปด้วยได้ ใครที่เป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้วจะเห็นความต่างได้ดีเลย ระหว่างช่วงที่ออกที่ผิวดูเปล่งปลั่งขึ้น ในขณะที่ช่วงไม่ได้ออกผิวจะขาดความสดใส หมองคล้ำ และเกิดปัญหาผิวต่างๆ ได้ง่าย
โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป สำหรับการคาร์ดิโอ และ 40 นาทีขึ้นไปสำหรับการเวทเทรนนิ่ง ควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 – 5 วัน เพื่อความสม่ำเสมอ ในระยะยาวก็จะส่งผลต่อผิวหน้าเราได้ดีเลยค่ะ
7.พักผ่อนให้เพียงพอและไม่นอนดึก
ช่วงเวลาที่นอนหลับร่างกายจะผลิตโกรธฮอร์โมนเพื่อฟื้นฟูและรักษาซ่อมแซมเซลล์ในร่างกายส่วนต่างๆ ที่สึกหรอ ซึ่งในส่วนของผิวหน้าเองก็เช่นกัน นอกจากนี้การนอนเร็วยังเลี่ยงไม่ให้ใต้ตาคล้ำ ทำให้ตื่นขึ้นมาได้อย่างสดใสด้วย ควรนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และเวลาในการนอนที่ดีที่สุดคือ 4 ทุ่มค่ะ เพราะเป็นช่วงที่โกรธฮอร์โมนเริ่มหลังนั่นเอง
8.บำรุงผิวด้วยสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
ดูแลด้วยวิธีต่างๆ มาแล้ว ก็ต้องมาโฟกัสที่ผิวหน้าโดยตรงด้วยการบำรุงด้วยสกินแคร์ ไม่ว่าจะเป็นเซรั่ม ครีม น้ำตบ ที่สามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นได้ดีและรวดเร็วที่สุด ซึ่งความชุ่มชื้นในผิวที่มากพอจะทำให้ผิวดูสุขภาพดี แข็งแรง และไม่โดนทำร้ายง่ายจนเกิดเป็นฝ้า กระ ริ้วรอยค่ะ
เบื้องต้นสาวๆ จึงควรเลือกสกินแคร์ที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์สูง และเสริมด้วยสารบำรุงอื่นๆ ตามความต้องการ เช่น ไวท์เทนนิ่ง Anti-Aging ด้วยได้ ที่สำคัญอีกประการก็คือ ควรเลือกเนื้อสัมผัสและส่วนผสมให้เหมาะกับสภาพผิวด้วย โดยบนฉลากมักจะมีบอกอยู่ค่ะ ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย เลือกให้ตอบโจทย์กับตัวเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ช่วยได้ตรงจุดที่สุดนั่นเอง
9.เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีคุณภาพ
เครื่องสำอางในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายมาก ทั้งแหล่งผลิต ราคา ส่วนผสม รวมทั้งเนื้อสัมผัสต่างๆ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีคุณภาพที่ดีมากน้อยต่างกัน สาวๆ ควรคำนึงถึงเนื้อผลิตภัณฑ์และส่วนผสมที่ดีร่วมด้วย ถ้าไม่อยากให้ผิวถูกทำร้าย ซึ่งการเลือกเครื่องสำอางที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะกับตัวเอง เกิดการแพ้ หรืออาจก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ทำให้ล้างออกยาก แล้วกลายไปเป็นสิวหรือปัญหาผิวแพ้อื่นๆ ได้ด้วย
วิธีเลือกเครื่องสำอางที่ดีให้ดูที่ส่วนผสมก่อนเป็นอันดับแรก หากเป็นเกรดเภสัชกรรม หรือเขียนว่าไม่มีสารเคมี ก็จะช่วยลดอาการแพ้ได้ดี นอกจากนี้ถ้าเลือกประเภท oil free จะยิ่งช่วยเรื่องไม่อุดตันในรูขุมขนได้ด้วย ทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เป็นสิวง่าย
10.มาสก์หน้าเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นครั้งคราว
แม้จะมีการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์อยู่เป็นประจำ แต่บางทีในช่วงที่ผิวผ่านมรสุมมาอย่างหนัก อยู่ในช่วงขาดความชุ่มชื้น อดนอน การเลือกมาสก์หน้าจะเป็นการฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็ว และในมาสก์หน้าเองก็มีสารอาหารที่เข้มข้นนอกเหนือจากในครีมบำรุงแบบที่ใช้เป็นรูทีนอีกด้วย แนะนำให้ทำทุกสัปดาห์ อย่างน้อย 1 ครั้ง และเลือกตามความชอบได้เลย ไม่ว่าจะเป็นชีทมาสก์ มาสก์แบบพอกทิ้งไว้แล้วล้างออก หรือมาสก์ที่ทาก่อนนอนโดยไม่ต้องล้าง ก็ได้เช่นกัน
สรุป
วิธีดูแลผิวหน้าส่วนใหญ่ที่เรานำมาฝาก แม้ว่าจะดูเป็นวิธีทั่วไป ก็ต้องบอกว่าสำคัญมากๆ ทุกวิธี และเป็นพื้นฐานในการทำให้ผิวหน้าสุขภาพดีในระยะยาว หากขาดขั้นตอนการดูแลเหล่านี้ไป จะเข้าคลินิกเสริมความงามอย่างไรก็เห็นผลได้ไม่ดี ควรทำควบคู่กันไปแล้วจะเข้าใจว่าผิวหน้าดีจากภายในมันเป็นแบบนี้นี่เอง
อ้างอิง
https://bit.ly/3uKILs7
https://women.mthai.com/beauty/beautytipandtrick/432942.html
https://bit.ly/3uKYB5Z
https://bit.ly/3rxvEIL