เคยเป็นกันไหมคะ คิดว่าดูแลเส้นผมอย่างดีแต่ไม่ทันไรก็มีกลิ่นเหม็นระหว่างวัน จะให้มาสระทุกวันก็คงจะไม่ไหว หรือบางทีสระมาดีๆ ออกนอกบ้านเจอควันรถ ควันจากเตาปิ้งย่างชาบูทีก็ทำเอากลิ่นติดผมจนเสียบุคคลิก ซึ่งบางทีกลิ่นเหม็นก็อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม หรือสระผมแบบผิดๆ ก็ล้วนเป็นต้นเหตุทั้งนั้น แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะมันก็มีวิธีที่ช่วยลดกลิ่นระหว่างวันหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ให้ก่อเกิดเป็นกลิ่นอับชื้น ทำง่ายมากๆ 10 วิธีด้วยกัน มีเทคนิคอย่างไรบ้าง ต้องตามไปดูเลย
วิธีที่ 1 เป่าผมให้แห้งทุกครั้งหลังสระ
สาเหตุอันดับต้นๆ ของเส้นผมมีกลิ่นเหม็นเกิดมาจากการปล่อยให้ผมอับชื้นค่ะ โดยเฉพาะเวลาสระผมเสร็จใหม่ๆ แล้วไม่ได้เป่าแห้งแต่ออกไปใช้ชีวิตประจำวันทันที โดยปล่อยให้แห้งไปเอง ถึงแม้พอเวลาผ่านไปผมจะแห้งจริง แต่ระหว่างนั้นผมเราจะสะสมความชื้นอยู่เป็นเวลานานทำให้เกิดกลิ่นอับบริเวณหนังศีรษะค่ะ ซึ่งช่วงแรกๆ อาจไม่ได้กลิ่นแต่พอผ่านไปสักพักที่กลิ่นแชมพูเราเบาบางลง ก็จะได้กลิ่นอับตีขึ้นมานั่นเอง เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่สระต้องมั่นใจว่าเป่าจนแห้งค่ะ
วิธีที่ 2 เลี่ยงกิจกรรมที่เกิดการหมักหมมของกลิ่นในวันสำคัญ
แน่นอนว่าต่อให้สระผมมาดีแค่ไหนแต่ถ้าออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านหรือทำกิจกรรมระหว่างวันต่างๆ ก็มีโอกาสทำให้ผมมีกลิ่นได้ค่ะ อย่างบางวันที่ต้องออกแดด อยู่ที่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะ ไปจนถึงออกกำลังกาย ก็สามารถทำให้เกิดเหงื่อสะสมและกลายเป็นกลิ่นอับที่หนังศีรษะได้ค่ะ นอกจากนี้ฝุ่นควัน ทั้งฝุ่นจาก pm2.5 ควันรถยนต์ หรือแม้แต่ควันจากอาหารประเภทปิ้งย่าง ชาบู ก็สามารถไปเกาะที่เส้นผม และติดไปหลายวันได้ถ้าไม่มีการทำความสะอาด เพราะฉะนั้นใครที่เพิ่งสระผมมาแล้วไม่อยากให้มีกลิ่น หรือวันสำคัญที่ต้องไปพบปะผู้คนต่อ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงกิจกรรมตามที่ยกตัวอย่างมานั่นเอง
วิธีที่ 3 หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม
ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ไม่ว่าจะเป็นแว๊กซ์ เจล มูส ออยล์ หรือสเปรย์ ที่ฉีดเพื่อทำให้ผมแข็งตัวอยู่ทรงเหล่านี้จะมีความมันในตัวสูง ซึ่งความมันนี่แหละค่ะ จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่กับผมระหว่างวันได้ รวมทั้งตัวผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มีคุณสมบัติในการดูดจับกลิ่น เมื่อออกไปใช้ชีวิต กลิ่นจากภายนอกก็จะมาติดอยู่ที่เส้นผมได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ค่ะ ใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อยู่เป็นประจำแล้วสังเกตว่าผมของตนเองมีกลิ่นเหม็นบ่อยๆ ก็คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุนี้ ทางทีดีก็ควรเลี่ยง หรือลดความถี่ในการใช้ให้เหลือเท่าที่จำเป็นค่ะ
วิธีที่ 4 เลือกสระผมด้วยน้ำอุ่น
น้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 40 องศา เป็นอุณหภูมิที่เหมาะกับการสระผมมากที่สุดค่ะ เพราะไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป พอดีแก่การสระ ซึ่งน้ำอุ่นแบบนี้ก็จะช่วยล้างความมันบนศีรษะได้ดี ซึ่งความมันนี่เองที่เป็นตัวการของกลิ่นเหม็น และดูดจับกลิ่นจากภายนอกให้เข้ามาติดได้ง่ายอีกด้วยค่ะ ถ้าสาวๆ ลองเปลี่ยนมาใช้น้ำอุ่นสระผมก็จะช่วยลดปัญหานี้ไปได้ค่ะ
วิธีที่ 5 เลือกใช้แชมพูให้เหมาะสม
เลือกแชมพูให้ดีก็สามารถช่วยลดกลิ่นได้เช่นกันค่ะ อย่างแชมพูที่มีเนื้อเข้มข้นมากๆ หรือมีส่วนผสมของซิลิโคน สาวๆ ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะความเข้มข้นพวกนี้จะทำให้ผมเรามันมากกว่าชมพูเนื้อใส และความมันนอกจากจะหมักหมมและมีกลิ่นได้ง่ายแล้ว ยังดูดจับกลิ่นภายนอกมาสะสมเพิ่มได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นค่ะ เพราะสารเคมีอย่างซิลิโคนสามารถทำให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันของมามากจนเกิดการอุดตันได้ด้วย เราแนะนำให้เลือกเนื้อแชมพูเนื้อบางเบา ฟองน้อย อย่างสูตรอ่อนโยน ที่มีลักษณะใสลงมาสำหรับใช้สระแทน และควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดกลิ่น ความมัน และรังแค อย่างสูตรที่ทำจากมะกรูดหรือลาเวนเดอร์ ยิ่งถ้าเป็นสูตรไมเซล่าก็ยิ่งช่วยได้ดีค่ะ
วิธีที่ 6 หลีกเลี่ยงการใช้ครีมนวดผมบริเวณหนังศีรษะ
ครีมนวดผมเองก็ไม่ควรนำมาใช้บริเวณใกล้หนังศีรษะนะคะ เพราะเขาเป็นต้นเหตุของความมันที่จะเปลี่ยนไปเป็นกลิ่นเหม็นได้ เนื่องจากตัวครีมนวดมีความเข้มข้นสูงกว่าแชมพูนั่นเอง ถ้าใช้บ่อยๆ เข้าหนังศีรษะสามารถอุดตันได้เลย จึงต้องระวังเว้นช่วงโคนผมไปจนหนังศีรษะ แล้วใช้เฉพาะเส้นผมหรือปลายผมเท่านั้นค่ะ
วิธีที่ 7 บำรุงผมด้วยน้ำมันหอมระเหย
น้ำมันหอมระเหยหลายชนิดมีฤทธิ์ที่ช่วยฆ่าแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ที่สร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ แถมยังเพิ่มมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ผมได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกลิ่นหอมติดทนจนลืมไปเลยว่าเคยมีกลิ่น ซึ่งก็มีให้เลือกหลายแบบ แต่ที่แนะนำก็จะเป็นน้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว และทีทรีออยล์ค่ะ โดยสามารถชโลมน้ำมันหอมระเหยพวกนี้ที่ผม หลังจากสระมาสะอาดแล้วเรียบร้อย ใช้นวดเบาๆ ให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก หรือจะเลือกนำไปใช้ผสมกับแชมพูแล้วใช้สระผมโดยตรงเลยก็ได้เช่นกัน สไตล์ใครสไตล์มัน แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ
วิธีที่ 8 หมักผมด้วยน้ำมะนาว
ในมะนาวจะมีคุณสมบัติในการลดรังแคบนหนังศีรษะที่เป็นสาเหตุของกลิ่นได้ค่ะ การนำมะนาวสดมาคั้นน้ำเพื่อใช้หมักผมก็เป็นทางเลือกที่สาวผมเหม็นควรลอง วิธีนี้ให้ทำหลังจากสระผมสะอาดแล้วนะคะ โดยนำน้ำมะนาวมาเจือจางกับน้ำปล่า 2 ถ้วย แล้วเอาสำลีชุบให้ชุ่ม จากนั้นนำสำลีที่ชุบน้ำมะนาวแล้วไปเช็ดที่เส้นผมตั้งแต่ช่วงโคนไปจนถึงปลายผม ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก ระหว่างทำต้องระวังช่วงกรอบหน้าให้ดีนะคะ เพราะอาจทำให้แสบได้ แต่ถ้าใครใช้น้ำมะนาวหมักผมแล้วรู้สึกว่าไม่เวิร์ค รู้สึกคันยิบๆ ก็สามารถเปลี่ยนจากการหมักผม มาเป็นการผสมน้ำมะนาวกับแชมพูแล้วใช้สระผมตามปกติไปได้เลยค่ะ
วิธีที่ 9 พก Dry Shampoo ไว้ใช้ระหว่างวัน
วิธีนี้จะเป็นการแก้กลิ่นเหม็นแบบเร่งด่วน แบบว่าเหม็นปุ๊บใช้ปั๊บกลิ่นหายทันที นั่นคือการฉีด Dry Shampoo ระหว่างวันนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายกลิ่น หลายแบรนด์ให้เลือกมากมาย ฉีดแล้วช่วยลดความมันและกลิ่นโดยไม่ทิ้งคราบเลยค่ะ มีพกติดไว้ก็เป็นทางเลือกที่ดี เหมาะกับสายขี้เกียจด้วย แต่ถ้าใครไม่มี หรือไม่อยากเสียเงินซื้อเพิ่ม จะปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นแป้งเด็กโรยแก้ขัดก็ได้เหมือนกันค่ะ
วิธีที่ 10 ใช้ปลอกหมอนที่สะอาดอยู่เสมอ
ปลอกหมอนและที่นอนของเราก็เป็นแหล่งสะสมกลิ่นได้เช่นกันค่ะ บางทีอาจเลวร้ายถึงขั้นเป็นเชื้อราได้เลยทีเดียว เพราะงั้นเพื่อป้องกันไว้ก่อนสาย ทุกคนก็ควรเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนทุกๆ สัปดาห์เพื่อให้มั่นใจว่าสะอาดอยู่เสมอค่ะ
สรุป
วิธีการที่จะทำให้เส้นผมมีกลิ่นหอม ไร้กลิ่นเหม็น ที่เราเอามาฝากกันทั้ง 10 ข้อเป็นอย่างไรบ้างคะ ไม่ยากเลยใช่มั้ย เพียงแค่ปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ หรืออาศัยตัวช่วยเร่งผลลัพธ์ก็เสกกลิ่นไม่พึงใจให้หายไปได้ง่ายๆ เลย อยากให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้ให้ดี บางทีตัวเราเองอาจไม่คิดอะไรมาก แต่กลิ่นเหม็นจากผมของเราอาจไปรบกวนคนรอบข้างได้ แต่ถ้าเราดูแลเส้นผมดี มีกลิ่นหอมอยู่ตลอด ก็จะสร้างความประทับใจได้ด้วยค่ะ สาวๆ ก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ วิธีไหนทำแล้วได้ผลดีสามารถนำไปบอกต่อเพื่อนๆ ได้เลย ทุกคนจะได้มีผมหอม ไร้กลิ่น โดยทั่วกัน
ที่มา clubsister, akerufeed, sistacafe, zethbysis