สมัยนี้เทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเราแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะกันคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ว่าจะเรียนหรือทำงานก็มีต้องใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้าง มือถือบ้าง รู้ตัวอีกทีก็ใช้เวลากับหน้าจอไปค่อนวัน ซึ่งตอนแรกๆ ก็อาจยังไม่เห็นผลอะไร แต่ในระยะยาวแล้วสามารถทำร้ายดวงตาของเราได้ ตั้งแต่เพิ่มค่าสายตา เกิดอาการปวดตา ตาแห้ง กล้ามเนื้อตากระตุก ไปยันโรคประสาทตาเสื่อมที่ทำให้มองภาพไม่ชัดได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นสาวๆ จึงควรหันมาดูแลถนอมสายตาให้ดี ด้วย 10 วิธีที่เราเอาฝากกัน ว่าช่วยได้ไม่มากก็น้อยเลยค่ะ
- กระพริบตาให้ถี่ขึ้น
โดยปกติคนเราจะกระพริบตาประมาณ 15 -20 ครั้งต่อ 1 นาทีค่ะ แต่เมื่อเวลาเราใช้สายตาเพ่งคอมหรือหน้าจอมือถือ การกระพริบตาจะลดลงเหลือเพียง 6 – 8 ครั้งเท่านั้น ซึ่งการที่ไม่กะพริบตานี้จะทำให้เกิดอาการตาแห้ง ภาพเบลอและอาการปวดตาขึ้นมาได้ ดังนั้นทุกครั้งที่เริ่มรู้สึกว่าใช้สมาธิไปกับการจ้องหน้าจอนานเกินไป สาวๆ ต้องเตือนตัวเองให้กะพริบตาบ้างค่ะ เพราะจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำตาให้ผลิตความชุ่มชื้นหล่อเลี้ยงดวงตา และยังบริหารกล้ามเนื้อตารวมทั้งช่วยปรับโฟกัสการมองให้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกจะเปลี่ยนไปใช้ตัวช่วยอย่างยาหยอดตาก็ทำได้ค่ะ
- ใส่แว่นที่ทำจากเลนส์กรองแสงสีฟ้า
ในหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ที่เราใช้จะมีแสงสีฟ้าอยู่ด้วยค่ะ ซึ่งเจ้าแสงสีฟ้านี้ก็มีทั้งแสงสีฟ้าที่ดี ช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่แสงสีฟ้าที่มีโทษสามารถทำให้ประสาทตาเสื่อมได้เมื่อจ้องเป็นเวลานาน เพราะมีคลื่นพลังงานที่ค่อนข้างสูง การใช้เลนส์ตัดแสงสีฟ้าหรือเลนส์บลูก็จะลดปัญหาตรงนี้ไปได้ โดยหลักการทำงานเขาคือช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เกินจำเป็น รวมทั้งทำให้สายตาเราปรับโฟกัสในระยะใกล้ได้ดีขึ้นด้วยค่ะ
- ติดฟิล์มกรองแสงสีฟ้าที่หน้าจอ
มีเลนส์ที่ช่วยตัดแสงสีฟ้าแล้ว ก็มีฟิล์มกรองแสงสีฟ้าที่ใช้ติดหน้าจอโดยตรงมาเป็นตัวช่วยถนอมสายตาได้ด้วยเช่นกันค่ะ เรียกว่าฟิล์มถนอมสายตา Blue Light Cut ที่เคลือบสารตัดแสงสีฟ้า สามารถช่วยกรองแสงสีฟ้าได้ระหว่าง 17 – 99% เลยทีเดียว โดยรุ่นที่ดีหน่อยจะมีสีออกฟ้านิดๆ เพื่อช่วยตัดแสงได้ดียิ่งขึ้น และจะมีเลเยอร์ซ้อนอยู่ในตัวฟิล์มกันไม่ให้แสงสีฟ้าที่ออกมาจากหน้าจอกระทบกับดวงตาโดยตรง แต่จะสะท้อนกลับไปในทิศทางต้นกำเนิดนั่นเอง ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ราคาแตกต่างกันไปตามคุณภาพ และมีทั้งฟิล์มกรองแสงสีฟ้าสำหรับมือถือและคอมพิวเตอร์เลยค่ะ
- เลือกใช้หน้าจอขนาดใหญ่ ช่วยลดการเพ่ง
แน่นอนว่าการใช้หน้าจอนานๆ ก็ส่งผลให้ดวงตาทำงานหนักอยู่แล้ว แต่การใช้หน้าจอที่มีขนาดเล็กยิ่งทำให้สายตาเราต้องเพ่งเพื่อมองเห็นให้ชัดเจนขึ้นค่ะ ไม่เพียงเท่านั้น แต่การใช้หน้าจอที่มีความละเอียดหรือความคมขัดต่ำ ก็ทำให้สายตาเราต้องปรับโฟกัสมากขึ้น เนื่องจากภาพหรือตัวหนังสือที่อยู่ในจอมีคุณภาพไม่ดีตามนั่นเอง วิธีที่จะช่วยลดการใช้สายตาก็คือควรเลือกใช้หน้าจอที่มีขนาดใหญ่พอดี สามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งเลือกคุณภาพของสีและความคมชัดที่ได้มาตรฐานเพื่อถนอมสายตาของเราไม่ให้ทำงานหนักเกินไปค่ะ
- จัดตำแหน่งหน้าจอให้เหมาะสม
หลายคนอาจเคยได้รู้จักการจัดโต๊ะทำงานที่เหมาะสม ที่มีทั้งหลักการจัดวางโต๊ะ สมดุลของความสูงโต๊ะและเก้าอี้มาบ้างใช่ไหมคะ ซึ่งการเลือกวางคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊กเองก็มีหลักการในการวางเช่นกันค่ะ โดยตำแหน่งที่วางควรมีระยะห่างจากเก้าอี้ที่เรานั่งประมาณ 50 – 70 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าจอด้วยค่ะ ถ้าจอใหญ่ก็อาจจะห่างตัวหน่อยได้ แต่ถ้าจอเล็กก็ขยับให้ใกล้ขึ้นเพื่อลดการเพ่ง แต่ก็มีระยะมากพอไม่ให้ใกล้จนปวดตาได้ นอกจากนี้ความสูงก็ต้องพอดี อยู่ที่ 4 – 9 นิ้วจากพื้นโต๊ะ ให้ตรงกับระดับสายตาของเรา ป้องกันการเหลือบตาเวลามองหน้าจอนั่นเอง
- ปรับความสว่างของสภาพแวดล้อมช่วยได้
ความสว่างในห้องก็มีส่วนสำคัญในการช่วยถนอมสายตานะคะ เนื่องจากแสงของหน้าจอมีความสว่างสูง เมื่อเราจ้องหน้าจอในห้องที่มืดก็อาจจะได้รับแสงที่มากเกินไปจนทำร้ายดวงตาได้ วิธีแก้ก็คือควรตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือเล่นมือถือในบริเวณที่มีความสว่างมากพอค่ะ แต่ถ้าไม่สามารถควบคุมความสว่างของห้องได้ ก็อาจเลือกลดหรือเพิ่มความสว่างของหน้าจอ ซึ่งอุปกรณ์ในปัจจุบันส่วนใหญ่สามารถทำได้เช่นกัน แต่ความสว่างที่มากเกินไปก็อาจส่งผลเสียเช่นกัน อย่างบางทีที่มีแสงตกตรงกับหน้าจอพอดีจะเกิดการสะท้อนเข้าตาได้ค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ก็แก้โดยการเลือกใช้งานในตำแหน่งที่ไฟไม่ส่องตรงเข้าที่หน้าจอโดยตรง หรือตั้งโต๊ะทำงานไว้ข้างหน้าต่าง ก็สามารถลดการสะท้อนได้ค่ะ
- มองต้นไม้สีเขียวช่วยรีแลกซ์
การหยุดจ้องหน้าจอแล้วหันไปมองต้นไม้สีเขียวถือเป็นการรีแลกซ์สายตาที่ดีมากเลยค่ะ เพราะอย่างที่เราอธิบายไปว่าหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์จะมีแสงสีฟ้าปล่อยออกมา ซึ่งเมื่อมองนานๆ จะทำร้ายดวงตาได้ ในทางกลับกันวัตถุที่มีสีเขียวเองก็มีคลื่นแสงในตัวเช่นกัน แต่ความยาวของคลื่นจะอยู่ที่ 500 – 565 นาโนเมตร ถือเป็นระยะที่พอดีกับสายตาของเราและมองเห็นได้ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องเพ่ง เพราะฉะนั้นการหลบจากคลื่นแสงสีอื่นมามองที่สีเขียวก็สามารถทำให้ดวงตาเราได้พักจากการทำงานหนักนั่นเอง
- พักสายตาระหว่างวัน
ถ้าบริเวณใกล้ๆ ไม่มีสีเขียวให้หันไปมอง การพักสายตาด้วยวิธีอื่นก็ทำได้ค่ะ อย่างวิธีที่ง่ายที่สุดเลยก็เป็นการมองออกไปที่นอกหน้าตาไกลๆ สลับกับการมองใกล้ๆ ให้สายตาเราละจากการเพ่งหน้าจอ โดยให้มองระยะไกลค้างไว้ 20 วินาที แล้วกลับมาใช้สายตาระยะใกล้ จะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าภาพชัดขึ้น แถมลดอาการตาเบลอได้ด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้บ่อยๆ ควรทำทุกชั่วโมง หรือถ้าใครพอมีเวลาจะเลือกนอนหลับสัก 15 นาทีก็รีเฟรชได้ดีเลยค่ะ
- กินอาหารช่วยซ่อมแซมและเพิ่มการมองเห็น
การกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ช่วยเข้าไปบำรุงสายตาก็ช่วยได้ดีเช่นกันค่ะ โดยหลักๆ อาหารที่ช่วยเรื่องการมองเห็นก็จะประกอบด้วยวิตามินเอที่ช่วยป้องป้องกระจกตาจากการทำลายของแสงยูวี พบได้ในผักและผลไม้สีเหลืองส้ม อย่างแครอท ฟักทอง เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะมีอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างพวกผลไม้ตระกูลเบอร์รี ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี ราสเบอร์รี บลูเบอร์รี ที่สามารถต้านการเสื่อมของจอประสาทตาได้ดีค่ะ อาหารที่มีลูทีนอย่างพวกผักใบเขียว อะโวคาโด และไข่แดง ก็จะเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ในดวงตาได้ รวมทั้งปลาที่มีกรดไขมันสูงอย่างพวกทูน่าหรือแซลมอน ที่สามารถเพิ่มน้ำหล่อลื่นในดวงตา ป้องกันอาการตาแห้งได้อีกด้วย ทุกคนก็สามารถเลือกกินในปริมาณเหมาะสมได้เลยค่ะ
- พบแพทย์เพื่อตรวจเช็กสายตาเป็นประจำ
วิธีต่างๆ ที่เราลิสต์มาให้ก่อนหน้าก็จะเป็นรูทีนที่ทำบ่อยๆ เพื่อป้องกันการใช้สายตาหนักได้ แต่วิธีที่ 10 นี้ก็จะเป็นการตรวจเช็กเพื่อหาวิธีแก้ได้ถูกต้องหากเกิดความผิดปกติขึ้นแล้วนั่นเองค่ะ โดยทุกคนควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุก 1 ปี เพื่อให้ทราบถึงประสิทธิภาพการทำงานของจอประสาทตา ค่าสายตา รวมทั้งโรคเกี่ยวกับตาที่อาจขึ้นได้ ถ้าทำแบบนี้ก็จะรู้สาเหตุ ต้นตอ ทำให้รักษาได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องด้วยค่ะ
สรุป
ทั้ง 10 วิธีก็เป็นการถนอมสายตาง่ายๆ ที่เราเอามาฝากทุกคน เชื่อว่าถ้าทำตามให้เป็นกิจวัตร ดวงตาก็จะใช้งานได้อย่างดี ลดอาการปวด เมื่อยล้าได้ ยังไงก็อยากให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้ตามกันนะคะ มีตาแค่คู่เดียวก็ต้องดูแลรักษาอย่างดีที่สุดให้อยู่คู่เราไปนานๆ เลยค่ะ
ที่มา samitivejchinatown, laservisionthai, posttoday, specphone, women.trueid, thairath