สาว ๆ เคยสงสัยกันไหมว่าสกินแคร์แต่ละตัวนั้นทำหน้าที่ต่างกันอย่างไร การเรียงลำดับการลงสกินแคร์นั้นสำคัญแค่ไหน การเรียงลำดับการลงสกินแคร์จะช่วยให้เนื้อครีมแต่ละตัวซึมเข้าไปทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจริงหรอ วันนี้นะคะทางเราเลยได้รวบรวมสเต็ปการลงสกกินแคร์เช้า – เย็นตามแบบฉบับของสาวกาหลี ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของประชากรผิวพรรณดีที่ทุกคนต่างอิจฉามาฝากกันด้วยค่ะ แต่ละสเต็ปจะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลยค่า
Step Skincare : กลางวัน
1. Step 1 Cleansing
เป็นการปลุกผิวหน้าในตอนเช้าให้ตื่นนอน สดใส สดชื่น ด้วยการทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้า เพื่อล้างความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรก และฝุ่นละอองที่สะสมในปลอกหมอนและผ้าห่มของเรา โดยความแตกต่างของโฟมล้างหน้าและเจลล้างหน้าต่างกันดังนี้
โฟมล้างหน้า – เนื้อผลิตภัณฑ์จะกลายเป็นโฟมเมื่อโดนน้ำตามเข้าการนวดหรือขยี้ด้วยมือ ส่วนผสมที่สำคัญของโฟมล้างหน้าคือ สารลดแรงตึงผิว ที่ทำหน้าที่ขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้า โดยสารโซเดียวลอริลซัลเฟต หรือ SLS เป็นสารที่นิยมในผลิตภัณฑ์ แต่หากใช้สารนี้อย่างต่อเนื่องก็จะทำให้เกิดความระคายเคือง บางผลิตภัณฑ์จึงเลือกใช้สารโซเดียวลอเรทซัลเฟตและโคโคมิโดโพรพิลบีเททน ที่มีความอ่อนโยนกว่าแทน
เจลล้างหน้า - เนื้อผลิตภัณฑ์มีความเป็นเจลใส มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก และไม่มีฟองหรือมีน้อย โดยเจลล้างหน้าที่มีฟองมักใช้สารลดแรงตึงผิวกลุ่มที่ไม่มีประจุ เช่น decyl glucoside ทำให้เกิดฟองน้อยแล้อ่อนโยนต่อผิวหนัง
2. Step 2 Toner
เช็ดผิวด้วยโทนเนอร์ตัวช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมบำรุงในขั้นต่อไป ช่วยให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวผิวได้ดีขึ้น เลือกใช้โทนเนอร์ให้เหมาะกับผิว สูตรบางเบาไม่หนักหน้าโดยประโยชน์ของโทนเนอร์ ได้แก่
- ทำความสะอาดหน้าให้สะอาดมากขึ้น
- ลดการเกิดสิวทั้งการอุดตันของสิ่งสกปรก ไขมัน และเชื้อแบคทีเรีย
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้วให้หลุดออก
- ปรับสภาพผิวและสมดุลบนผิวหน้าเพื่อเปิดรับสารบำรุงผิว ออกซิเจน และความชุ่มชื้น
- กระชับรูขุมขน
- ช่วยให้เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่น
- กระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนมากขึ้น
3. Step 3 Essence
ตอนเช้าบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นด้วยเอสเซนส์ หรือน้ำตบ เตรียมผิวก่อนบำรุงขั้นต่อไป โดยใช้วิธีเขย่าขวดน้ำตบแล้วเทลงบนผ่ามือประมาณ 4 – 5 หยด แล้วตบที่หน้าอย่างเบามือ
- ช่วยควบคุมความมัน
- เติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้นโดยมีมอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวที่ช่วยลดอาการระคายเคืองจากมลภาวะต่าง ๆ
- ช่วยยกกระชับผิวหน้า
- ช่วยให้ผิวคล้ำเสียกลับมากระจ่างใสอีกครั้ง
4. Step 4 Emulsion
อิมัลชั่นช่วยล็อคและเติมเต็มความชุ่มชื้นคล้ายมอยซ์เจอไรเซอร์แต่เนื้อบางเบากว่า เนื้อไม่หนักเท่าครีมบำรุงผิว เหมาะกับทุกสภาพผิว ซึมซาบเข้าผิวไวทำให้หน้าไม่เยิ้มทำให้อุดตันระหว่างวัน เหมาะกับการใช้แทนมอยซ์เจอไรเซอร์ในช่วยตอนกลางวัน โดยเนื้อของอิมัลชั่นมักจะมีเบสเป็นน้ำจึงทำให้มีเนื้อสัมผัสที่เบาบางทำให้ซึมลงผิวได้ง่ายกว่ามอยซ์เจอไรเซอร์ ซึ่งส่วนมากจะมาในรูปแบบของเนื้อลิควิดอย่างเช่นเนื้อเจล
5. Step 5 Eye cream
การทาอายครีม และครีมกันแดดสำหรับรอบดวงตาก็เป็นส่วนที่สำคัญมาก เพราะรอบดวงตาเราต้องโดนแดดหรือแสง UV เหมือนผิวหน้าทำให้ใต้ตาคล้ำ ดูโทรม เกิดริ้วริยได้ ควรเลือกกันแดดสำหรับที่ทารอบดวงตาได้ ป้องกันการระคายเคือง
6. Step Sunscreen
- Chemical Sunscreen เป็นกันแดดที่มีสารเคมีตามชื่อเรียกของทัน มีราคาที่ถูกสามารถพบเจอได้ง่าย ปกป้องแสงแดดด้วยการซึมซับยูวี แล้วค่อย ๆ สลายไป มักจะมีค่าSPFที่สูงมาก ซึ่งมีส่วนประกอบของสารเคมีหลายอย่าง เพราะแต่ละสารให้การกันแดด UV ได้ไม่เท่ากัน อาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาบนผิวหนัง เสี่ยงที่ UV และสารเคมีจะตกค้างบนผิวของเรา จนทำให้หน้าโทรมเรื่อย ๆ คนที่มีผิวที่แพ้ง่ายยิ่งต้องระวัง เมื่อทาแล้วต้องรอประมาณ 30 นาที ก่อนออกไปเจอแสงแดด และจะต้องทาซ้ำตลอด 3 – 4 ชั่วโมง หากใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีสูง ก็จะสะสมเรื่อย ๆ จนทำให้ผิวอุดตัน
- Physical Sunscreen หรือที่เราเรียกกันว่ากันแดดธรรมชาติ คือทำหน้าที่คล้ายกับกระจก เพื่อสะท้อน UV ออก จึงอ่อนโยนกว่ากันแดดเคมี จะไม่มีส่วนของ UV ที่สัมผัสกับผิวหน้าของเรา เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะหรือผิวที่ผ่านการทำทรีตเมนท์เลเซอร์มาเยอะ ๆ จะจัดอยู่ในกลุ่มผิวบอบบางมาก ปกป้องรังสียูวีไว้ทุกชนิด ไม่เสื่อมสภาพระหว่างวัน และสามารถกันแดดแรง ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้อุดตัน ทาแล้วออกจากบ้านได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอเวลา แต่ก็จะไม่เหมาะกับการลงเมคอัพต่อ แต่สามารถแต่งหน้าแบบเบา ๆ ได้ และยังต้องระวังคราบบาว ซึ่งกันแดดประดภทนี้จะมีอนุภาคของเหลวต้องเขย่าขวดก่อนใช้
หลังจากที่เราลงสกินแคร์ครบทั้ง 6 step แล้ว ก็มาสารถที่จะแต่งหน้าและทาครีมบำรุงผิวกาย ระหว่างวันต้องอย่าลืมที่จะทาครีมกันแดดหน้าและผิวกาย และฉีดสเปรย์หน้าช่วยปรับสมดุลผิว และเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผิวอีกด้วย
Step Skincare : กลางคืน
1. Step 1 Makeup Remover
เช็ดเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งอย่างเบามือ ให้สะอาดทุกครั้งก่อนจะล้างด้วยโฟมล้างหน้าในขั้นตอนต่อไป เพราะใบหน้าเจอสารเคมีจากเครื่องสำอาง สิ่งสกปรก มลภาวะมาทั้งวัน หากเราล้างด้วยโฟมล้างหน้าอย่างเดียวอาจจะไม่สะอาดอย่างหมดจดก่อให้เกิดสิวอุดตันได้ สาวเกาหลีนิยมใช้คลีนซิ่งบาล์มหรือคลีนซิ่งออยล์ ที่แค่นวดหน้าและล้างออก ไม่ทำร้ายผิวของเราอีกด้วย ซึ่งประเภทของคลีนซิ่งมีด้วยกันถึง 6 ประเภท ดังนี้
- คลีนซิ่งแบบ น้ำ - เหมาะกับสาวผิวมันที่สุด เพราะไม่ทิ้งความเหนียวหรืแความมันเอาไว้บนใบหน้า สามารถล้างเมคอัพเฉพาะจุดได้ แต่ก็ไม่สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางกันน้ำได้
- คลีนซิ่งแบบแผ่น - เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่แต่งหน้าไม่เยอะ ใช้ง่ายและสะดวก ไม่เหนียวเหนาะหนะ แต่ก็ไม่สามารถทำความสะอาดได้หมดจดเท่าคลีนซิ่งชนิดอื่น
- คลีนซิ่งแบบเจล - เหมาะกับ สาว ๆ ที่แต่งหน้าไม่เยอะ ซึ่งเจลส่วนใหญ่จะมีมอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวจะไม่รู้สึกแห้งตึง ซึ่งบางยี่ห้อมีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งไม่เหมาะกับสาวผิวมันเป็นอย่างมาก
- คลีนซึ่งแบบออย - เหมาะกับสาว ๆ ผิวแห้ง แต่งหน้าหนัก สามารถทำความสะอาดดวงตากับราวผีปากอย่าง Lip And Eye Remover ได้ แต่บางยี่ห้ออาจจะทิ้งคราบมันไว้บนผิวหน้าได้ จึงไม่เหมาะกับสาวหน้ามัน และอุดตันง่าย
- คลีนซึ่งแบบนม - เหมาะสำหรับสาว ๆ ผิวหน้าแห้ง - ปานกลาง นากจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางยังสามารถบำรุงผิวไปด้วยได้ แต่บางยี่ห้อจะรู้สึกเหนาะหนะไปหน่อยและอาจจะล้างเครื่องสำอางออกไม่เกลี้ยงเท่ากับคลีนซิ่งแบบน้ำหรือแบบออย
- คลีนซิ่งแบบครีม – เหมาสำหรับสาว ๆ ผิวธรรมดาถึงผิวหน้าที่แห้งมาก ๆ ด้วยลักษณะครีมที่เข้มข้น จึงสามารถทำความสะอาดผลิตภัณฑ์รองพื้นได้ดี แต่คลีนซิ่งแบบนี้จะทำให้หน้าเยิ้มมากกว่าเดิม
2. Step 2 Cleansing
การใช้โฟมล้างหน้า ล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างอยู่บริเวณใบหน้า ไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH สูงเกินไป หรือล้างแล้วหน้าแห้งตึง ทำให้ความชุ่มชื้นหายไป เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง
3. Step 3 Toner
เช็ดโทนเนอร์ทั่วใบหน้า เพื่อปรับสภาพผิวหลังล้างหน้าให้พร้อมบำรุง ให้สกินแคร์ซึมลงผิวได้ดียิ่งขึ้น
4. Step 4 Spot Treatment
ครีมดูแลเฉพาะจุด สำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาสิว ฝ้า กระ ร่องรอยจากสิว เฉพาะจุด ควรรักษาทาก่อนที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น ๆ ทาบาง ๆ แล้วนวดจนเนื้อครีมซึมเข้าไป
5. Step 5 Essence
ตบเอสเซนส์ หรือตบเบา ๆ บนผิวหน้าเพื่อให้ซึมลงไปที่ชั้นใต้ผิวหนัง กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้ผิวหน้าอิ่มน้ำ ดูสดใส พร้อมรับการบำรุงครั้งต่อไป
6. Step 6 Serum
ขั้นตอนการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยเซรั่ม สามารถเลือกใช้ได้ด้วยปัญหาผิวของเราได้เลย
7. Step 7 Sheet Mask
เคล็ดลับหน้าใสของสาวเกาหลีคือการมาส์กหน้าทุกวันนั่นเอง เพราะว่ามาส์กชีทหนึ่งแผ่นบำรุงได้ลึกล้ำกว่าการทาครีม ช่วยให้หน้าชุ่มชื้น กระจ่างใส ไม่แห้งกร้าน ควรมาส์กหน้าอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง และไม่ควรมาส์กเกิน 10 – 15 นาที
8. Step 8 Eye Cream
ผิวรอบดวงตาของเราก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน เพราะถ้าหากว่าผิวรอบดวงตาของเราแห้งก็จะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
9. Step 9 Moisturizer
ครีมบำรุงที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก เลือกใช้ตามสภาพผิวของเราได้เลย
10. Step 10 Sleeping Mask
ขั้นตอนสุดท้ายในการล็อคความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ของเรา ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน อิ่มน้ำ และได้รับการฟื้นฟูตลอดการนอนอีกด้วย
11. Step 11 Lip Sleeping Mask
บำรุงหน้ากันเสร็จเราก็อย่าลืมที่จะบำรุงปากกันด้วยนะคะ เพื่อให้ปากชุ่มชื้น เอิ่บอิ่ม ไม่ลอกเป็นขุย
จบกันไปแล้วนะคะสำหรับการรวบรวม Step ขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง สไตล์สาวเกาหลี สำหรับเช้า-กลางคืน ที่เพื่อน ๆ เองก็สามารถนำมาปรับใช้ได้ในรูปแบบของตนเองได้เลยนะคะ และวันนี้พวกเราได้ไปแล้วนะคะ ถ้าหากว่าชอบบทความของเรา ก็ฝากติดตามกันด้วย และพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ