ขาเบียดถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับสาวๆที่ชื่นชอบการใส่กางเกงขาสั้น กางเกงรัดรูป หรือกระโปรงสั้น เพราะทำให้การสวมใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงสั้นนั้นไม่สวย และทำให้เกิดความไม่มั่นใจ อีกทั้งยังทำให้เกิดปัญหาการเสียดสี และการอับชื้นจนทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นอีกด้วย
ขาเบียด เกิดจากสาเหตุอะไร?
ขาเบียด เกิดจากการที่มีไขมันส่วนเกินจำนวนมากบริเวณต้นขาด้านใน ทำให้ไม่เหลือช่องว่างระหว่างขาทั้งสองข้าง ไม่ว่าจะยืนหรือเดินก็ทำให้ขาทั้งสองข้างเกิดการเบียด และเสียดสีกัน จนเป็นรอยแดง ในบางรายอาจทำให้เกิดแผลที่ต้นขาด้านใน ต้นขาเบียดยังทำให้การถ่ายเทของอากาศไม่สะดวก เกิดการอับชื้น และส่งผลให้มีปัญหาจุดซ่อนเร้นตามมาในภายหลังได้อีกด้วย
ทำไมต้นขาถึงใหญ่จนเกิดเป็นขาเบียด ?
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ต้นขาใหญ่ มีด้วยกันอยู่ 5 สาเหตุ ดังนี้
1.ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อมีการขยับ หรือมีเคลื่อนไหวร่างกายที่น้อยลง จะทำให้เซลลูไลท์ที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ได้รับการสลายออกไป จนกลายเป็นเซลลูไลท์ก้อนโตที่กำจัดได้ยาก
2.ชอบทานของทอด ของมัน
อาหารจำพวกของทอดของมัน ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์สะสมที่ต้นขาได้เช่นกัน
3.ชอบทานอาหารที่มีรสชาติเค็มจัด
การทานรสเค็มนั้นไม่ผิด แต่หากทานเค็มมากจนเกินไปจะทำให้ต้นขาขยายใหญ่ขึ้น เพราะการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มมากๆ จะทำให้ตัวบวม หน้าบวม แขนบวม โดยเฉพาะบริเวณขาที่อาจมีเซลลูไลท์ไปสะสมอยู่เป็นจำนวนมากได้
4.ละเลยการนวดต้นขา
เพราะในหนึ่งวันเราจะต้องเดินกันวันละหลายร้อยก้าว ทำให้น้ำหนักส่วนมากถูกถ่ายเทไปที่บริเวณต้นขาจนทำให้ต้นขาใหญ่ขึ้นนั่นเอง
5.ดื่มน้ำเปล่าน้อย
การดื่มน้ำน้อยเกินไป ถือเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ขาใหญ่ และเกิดเซลลูไลท์สะสมได้เหมือนกัน
เซลลูไลต์ คือ?
เซลลูไลต์ คือ การเรียงตัวของเนื้อเยื่อในบริเวณต้นขาที่เกิดการอ่อนแอ รวมถึงบริเวณอื่นๆในร่างกาย ทำให้ต้นขาเกิดมีผิวขรุขระ หรือผิวเปลือกส้ม และยิ่งมีก้อนไขมันมาสะสมที่บริเวณต้นขาเป็นจำนวนเยอะมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ต้นขาเกิดการหย่อนคล้อย และมีผิวที่ขรุขระมากตามไปด้วย ซึางโดยส่วนมากจะเกิดขึ้นกับผู้หญิง เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้ไขมันไปสะสมอยู่ตามต้นขาและสะโพกนั่นเอง
13 เคล็ดลับบอกลาขาเบียด เผยขาเรียวสวยอย่างมั่นใจ
1.ควบคุมอาหารและปริมาณแคลอรี่
การควบคุมอาหารที่ถูกวิธีนั้นไม่ควรกินน้อยเกินไป และควรค่อยๆพัฒนาคุณภาพอาหารให้ดีขึ้นด้วย การลดน้ำหนัก และลดไขมันที่เหมาะสมนั้นอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่เรากินน้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญเพียงอย่างเดียว เพราะร่างกายต้องการสารอาหารเยอะมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะสารอาหารที่ได้จากธรรมชาติ เช่น โปรตีน คาร์บเชิงซ้อน และเส้นใยอาหาร ดังนั้นถ้าเรากินน้อยจนเกินไปกว่าที่ร่างกายเผาผลาญวันละ 500-1,000 แคลอรี่ อาจส่งผลทำให้ระบบเผาผลาญพังได้ เพราะร่างกายจะต้องปรับตัวให้อยู่กับพลังงานแคลอรี่ที่น้อยลง โดยเราอาจจะกินอาหารให้น้อยลงกว่าที่ร่างกายของเราเผาผลาญ ประมาณวันละ 200-300 แคลอรี่ แล้วค่อยมากระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน เพื่อให้เกิด Calorie Deficit และเผาผลาญไขมันในร่างกายให้มากขึ้นด้วยการออกกำลังกายจะดีที่สุด
2.การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง
เวทเทรนนิ่ง หรือ การออกกำลังกายแบบออกแรงดัน เพื่อสร้างมวลกล้ามเนื้อให้มากขึ้น ถ้าร่างกายเรามีมวลกล้ามเนื้อที่มากขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ หรือ Resting Metabolic Rate ได้ดี นอกจากนี้แล้วจากการศึกษายังพบอีกด้วยว่า การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง ยังมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้มากขึ้น โดยท่าออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง ที่อาจจะช่วยกระชับต้นขาด้านใน และช่วยลดขาเบียดได้เร็วขึ้น ก็จะมี Sumo Squat, Side Lunge, Curtsy Squat และท่า Skater เป็นต้น
3.การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
การออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ ควรเริ่มเล่นคาร์ดิโอแบบ High Intensity Interval Training (HIIT) โดยจะมีการกำหนดเวลาเล่นหนักที่สุด สลับกับการหยุดพักร่างกาย เป็นเวลาประมาณ 20-30 นาที เช่น การกระโดดเชือก 30 วินาที แล้วพัก 15 วินาที แล้วมาต่อด้วยท่า Bodyweight Squat 30 วินาที วนไปเป็นรอบๆแบบนี้จนครบ 20-30 นาที เป็นต้น โดยจากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกายแบบHIIT มีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน และช่วยให้ลดไขมันในร่างกายได้เร็วขึ้นอีกด้วย
4.ขึ้น-ลงบันได แทนการใช้ลิฟท์
การเดินขึ้นบันไดนั้นสามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรี่ต่อนาที การลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได ถ้าหากสาวๆคนไหนอยากมีขาที่สวยเรียว ลองหันมาเดินขึ้นๆ ลงๆ บันไดกันดีกว่าการใช้ลิฟท์แน่นอน
5.นอนในท่าที่ขาสูงกว่าศีรษะ
เริ่มจากการนอนหงายและมีหมอนหนุนไว้ที่เท้า โดยหนุนให้สูงกว่าศีรษะ หรือสูงจากเตียงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ก็จะสามารถช่วยให้เลือดลมบริเวณขาหมุนเวียนได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยขาจากการใช้งานมาทั้งวันได้อีกด้วย
6.เผาผลาญไขมันส่วนขาด้วยการเดิน
การเผาผลาญไขมันด้วยการเดินนั้น สามารถทำได้ง่ายและทำได้ในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่น เดินเที่ยว หรือการออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว ก็สามารถช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินบริเวณต้นขา และบริเวณน่องได้ รวมถึงการเขย่งขา หรือกระโดดไปมา ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ตะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ทำให้ขาสวยเรียวขึ้นได้
7.ใส่รองเท้าส้นแบน
การใส่รองเท้าส้นแบนจะช่วยผ่อนคลายเท้าของเราให้ได้รับการพักผ่อน เพราะการสวมใส่รองเท้าแบบมีส้นจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องมีขนาดใหญ่ขึ้น
8.รับประทานอาหารประเภทไฟเบอร์
การทานอาหารประเภทไฟเบอร์ไม่เพียงแต่รับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเท่านั้น แต่ควรลดปริมาณโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตลงด้วย รวมถึงควรหลีกเลี่ยง ลด เลิกรับประทานของหวาน น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้สาวๆมีขาที่เรียวสวย และช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณอื่นได้ด้วย
9.บริหารขาก่อนนอน
ก่อนจะเข้านอน สาวๆควรออกกำลังกายเพื่อบริหารขาโดยเริ่มจากนอนหงายให้ลำตัวตรง จากนั้นให้ยกขาขึ้นทั้งสองข้าง ให้ตั้งฉากกับลำตัว หรืออาจจะใช้การนอนตะแคงแล้วยกขาขึ้นทีละข้างก็ได้เช่นกัน จากนั้นยกขึ้นและลงประมาณ 10 – 20 ครั้ง ลองทำแบบนี้วันก่อนนอน จะเห็นได้เลยว่าขาของสาวๆจะดูกระชับและเล็กลงจนสังเกตได้เลย
10.ดื่มน้ำให้เพียงพอการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะช่วยทำให้ต้นขาเรียวสวยได้ เพราะการดื่มน้ำมากๆ จะทำให้การกินอาหารในแต่ละมื้อลดลง แถมยังช่วยลดความหิวลงได้อีกด้วย ซึ่งร่างกายจะทำการดึงไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ออกมาเผาผลาญให้เป็นพลังงานต่อไป รวมทั้งไขมันบริเวณต้นขาด้วย
11.นวดขาเป็นประจำทุกวัน
การนวดขาเป็นประจำจะช่วยสลายไขมันได้ โดยเฉพาะเซลลูไลท์ที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของขา โดยให้สาวๆนวดที่บริเวณต้นขาในรูปแบบวงกลมเบาๆ จนทั่ว ประมาณ 20 นาที และให้ทำเป็นประจำทุกวัน รับรองว่าต้นขาจะลดลงและช่วยให้ขาเรียวสวยขึ้นได้อย่างแน่นอน
12.ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง
การวิ่งถืออีกหนึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด สำหรับการสลายไขมันบริเวณขาอย่างเห็นผล โดยแนะนำให้ก่อนวิ่งสาวๆลองหากางเกงแบบรัดรูปมาสวมใส่ก่อนเพื่อช่วยกระชับต้นขา จากนั้นก็วิ่งจ๊อกกิ้งไปเลย เป็นระยะเวลาประมาณ 30 นาที และไม่ควรวิ่งด้วยปลายเท้า เพราะการวิ่งด้วยปลายเท้านั้นจะทำให้ขาใหญ่ และขาเป็นกล้ามขึ้นได้ ให้วิ่งแบบเต็มเท้าถึงจะดีที่สุด
13.CoolSculpting
แต่ถ้าหากออกกำลังกาย หรือวิธีอื่นๆที่แนะนำไปข้างต้นนั้นยังไม่รวดเร็วทันใจ สาวๆคนไหนที่ต้องการลดต้นขาแบบเร่งด่วน เรามีอีกหนึ่งวิธีทำให้ขาเรียวสวยได้ด้วยเทคโนโลยีการกำจัดไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยการใช้ความเย็นระดับติดลบในการกำจัดเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันที่บริเวณต้นขาด้านในค่อยๆ ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อดีของ Coolsculpting คือ เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นที่จะไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก และไม่เคยเกิดกรณีเคสผิวไหม้จากความเย็นเลย เนื่องจาก CoolSculpting มีระบบ Freeze detect ซึ่งเครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป และหลังจากการทำ CoolSculpting ครั้งแรกจะสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ 20-30% และจะยิ่งเห็นผลได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อผ่านไป 2-3 เดือน และทำให้สาวๆมีความมั่นใจในการโชว์ขาที่เรียวสวย โดยไม่มีแผลเป็น ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น จะสวมกางเกงหรือกระโปรงตัวไหนก็ดูดีขึ้นกว่าที่เคยอย่างแน่นอน
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 13 เคล็ดลับบอกลาขาเบียด เผยขาเรียวสวยอย่างมั่นใจ ชอบวิธีไหนก็ลองนำไปทำตามกันได้เลยนะคะ แต่สำหรับใครที่อยากลดต้นขาแบบรวดเร็วทันใจก็ต้องเทคโนโลยีการกำจัดไขมันอย่าง CoolSculpting เพื่อต้นขาที่เรียวสวย และสร้างความมั่นใจให้กับสาวๆในการสวมใส่เสื้อผ้าอีกด้วย