ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ที่บทจะดีก็ดีจนใจหาย เธอเข้ามาทำให้ใจฉันพองโต แล้วจู่ๆเธอก็จากไป ทำเอาโลกทั้งใบของฉันแทบสลาย ทำให้รู้ว่าการอกหักมัน เจ็บแบบนี้นี่เอง แต่ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมูฟออน (Move on) จากเค้าคนนั้น สำหรับสาว ๆ หรือหนุ่มๆ คนไหนที่ยังมูฟออนไม่ได้ หรือกำลังมูฟออนเป็นวงกลมอยู่ มารวมกันตรงนี้เลยค่ะ เราจะพาสาว ๆ รวมถึงหนุ่มๆ ที่กำลังอกหัก มูฟออนไปพร้อมๆกัน กับ 10 เรื่องจริงเกี่ยวกับเรื่องมูฟออน ( move on ) คืออะไร ? ไปอ่านกันเลย
Move on คืออะไร
คำว่า Move on เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษที่สามารถแปลตรงตัวได้ว่า ก้าวต่อไป นั้นเป็นคำที่วัยรุ่นนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ในการอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ได้หยุดความสัมพันธ์กัน และต้องการที่จะดำเนินชีวิตต่อไปโดยที่ไม่มีอีกคนร่วมทาง หรือการเลิกเป็นแฟนกันนั่นเอง และยังเป็นอีกหนึ่งวลีฮิตที่ใช้กันติดปาก
สำหรับช่วงเวลาที่เจอเรื่องราวแย่ๆต่างๆ เช่น ผิดหวัง เฟลกับชีวิต รวมไปถึงยังสามารถใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้ เช่น กระแสในโลกโซเชียลที่เราไม่เห็นด้วย หรือไม่อยากเก็บเรื่องราวนั้นเอามาใส่ใจ เพราะว่าความหมายของคำว่า Move on แท้จริงแล้ว ควรใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นมาสักพัก และเราสามารถทำใจยอมรับในสิ่งเหล่านั้นได้แล้ว และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป อย่างไม่ลังเล และจะไม่หันหลังกลับมาทางเดิมอีกเด็ดขาด
How to move on
การมูฟออนนั้นไม่มีวิธีที่ตายตัว บางคนอยู่กับตัวเองแล้วดีขึ้น บางคนต้องมีเพื่อนไปกิน เที่ยว เล่นถึงจะรู้สึกดีขึ้น ก็ต้องลองทำหลายๆวิธีดูว่าแบบไหนที่เราทำแล้วได้ผลดีสุด แต่สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเลยก็คือ อย่าพยายามนึกถึงคำว่า รู้งี้ ไม่งั้นก็จะวนกลับไปลูปเดิม จริง ๆ การมูฟออนนั้น ในกระบวนการของหัวใจ จะค่อย ๆ ฟื้นฟูตัวเอง และสิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าการมูฟออนนั่นก็คือ การใช้ชีวิตคู่ในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ขอให้ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ที่สุด และเมื่อถึงเวลาความรักต้องจบลง มันก็จะมีคำว่ารู้งี้ เพราะเราได้ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่และดีที่สุดแล้ว
Move on เป็นวงกลม
Move on เป็นวงกลมนั้น หมายถึงอะไร มูฟออนเป็นวงกลมนั้น หมายถึง การกระทำที่วนลูปเดิม ๆ ซ้ำ ๆ วนเวียน ไม่ไปไหน ไม่หยุดทำ และยังคงทำซ้ำ ๆ เหมือนเดิม เหมือนติดอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้ หรือดูแล้วไม่มีทีท่าว่าจะมูฟออนแต่อย่างใด หรือการที่ไม่ก้าวต่อไปข้างหน้านั่นเอง โดยจะนิยมเรียกหรือพูดถึงการกระทำดังกล่าวว่า เป็นการมูฟออนที่ไม่มูฟออน หรือการมูฟออนเป็นวงกลมนั่นเอง
Move on ไม่ได้
ใครหลายคนคงเคยมีอาการเป็นคนคลั่งรัก รักเอย ทุ่มเทให้กับความรักไปจนหมดหัวใจ แต่พอถึงวันที่ต้องเลิกราที่ความสัมพันธ์นั้นต้องสิ้นสุดลง จึงทำให้เกิดความผิดหวัง บางคนเจ็บหนักถึงขั้นฝังใจ อยากจะเริ่มต้นใหม่ก็ทำไม่ได้สักที มีแต่ความรู้สึกที่จมอยู่กับอดีตที่ยากจะลืม อยากลืมกลับยิ่งจำ และมูฟออนเป็นวงกลม ซึ่งก็มีหลากหลายเหตุผลที่ทำให้เรายัง Move on ไม่ได้สักที ดังนี้
-ไม่ยอมรับความจริง
การไม่ยอมรับความจริงเป็นเหมือนกับการหลอกตัวเองว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังไม่จบลง และยังหวังว่าสักวันทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยิ่งคบกันนานยิ่งรู้สึกว่ายังสามารถกลับไปแก้ไขทุกอย่างได้ เดี๋ยวเขาก็กลับมา ความคิดเหล่านี้จะยิ่งทำให้มูฟออนออกมาจากคนเก่าไม่ได้ เพราะยังรอคอยอย่างมีความหวัง
-ยังเก็บสิ่งของและจดจำเรื่องราวเก่าๆ
ยังเก็บของขวัญที่เขาเคยให้ไม่กล้าทิ้ง ยังนั่งดูรูปคู่ของเรา ยังนึกถึงเรื่องที่เคยทำด้วยกันอยู่เสมอ เหตุผลนี้จะทำให้การมูฟออนเป็นวงกลมวนไปวนมา และมูฟออนออกมาไม่ได้สักที
-ยังติดตามSocialของเขาเสมอ
ยังรับรู้การเคลื่อนไหวชีวิตของเขาเสมอ ไม่ว่าเขาไปที่ไหน ไปทำอะไร กับใคร รู้หมด และไม่เลิกกดติดตามเขาสักที ทั้งที่โดนเขาบล็อกไปแล้ว แต่ก็ยังยืมของเพื่อนไปคอยส่องเขาอยู่ตลอด ทำแบบนี้แล้วจะมูฟออนไปไหนได้
-เสียดายเวลา
ความสัมพันธ์จะเกิดขึ้นมันต้องใช้เวลา ในการศึกษาดูใจกันก่อนที่จะตกลงคบกัน เมื่อคบกันแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาร่วมกัน ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ยิ่งคบกันนานยิ่งรู้สึกผูกพันธ์มาก แต่พอได้เลิกรากันไป กลับรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา เสียดายที่เรื่องราวดีๆที่ต้องจบลง จึงทำให้ไม่สามารถลืมรักครั้งนั้นได้
-ไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่
มีความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ เอาแต่โทษตัวเองว่ายังไม่ดีพอสำหรับใคร และไม่สมควรมีใคร การโทษตัวเองแบบนี้ คือการไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ทำให้การเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนนั้นยากมาก
-กลัวเสียใจแบบเดิมอีกครั้ง
รักครั้งเก่าอาจเจอแต่เหตุการณ์ที่ทำให้เจ็บปวดใจ และไม่มีวันลืม จนบาดแผลฝังลึกลงไป ทำให้กลัวที่จะพบเจอกับความเสียใจแบบนั้นอีก เกิดเป็นปมในหัวใจ และไม่กล้าที่จะรักใครอีก การเจอเหตุการณ์แบบนี้อาจทำให้Move On ได้ยาก
-เก็บตัวไม่ออกไปเจอสังคม
การที่เพิ่งอกหัก หรือเพิ่งเจอกับความเสียใจมา และไม่ออกไปพบเจอเพื่อนหรือสังคมเลย จะยิ่งทำให้เรานั้นจมอยู่กับความรู้สึกเศร้า ความรู้สึกเสียใจอยู่คนเดียว ในหัวของเราก็จะวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องเดิมๆ คิดถึงแต่เขา นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เราไม่หลุดออกจากเรื่องราวในอดีตหรือมูฟออนไม่ได้สักที
-คิดถึงคนเก่า
แม้ความรักครั้งเก่าจะจบลงไปแล้ว เราก็ควรจะเปิดใจให้คนใหม่เข้ามา แต่พอเอาเข้าจริงหลายคนกลับทำไม่ได้เพราะยังคิดถึงคนรักเก่าอยู่ดี เพราะรักครั้งเก่ามันก็ดีมากๆอยู่แล้ว จึงทำให้หลายคนแม้ว่าจะมีคนใหม่ๆเข้ามาคุยแต่ก็ยังไม่สามารถลืมคนเก่าได้อยู่ดี เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เรามูฟออนไม่ได้
วิธี move on
การmove on นั้นมันมีเวลาของมัน บางทีเราไม่จำเป็นจะต้องไปรีบเร่งในการมูฟออน แต่เราควรมีวิธีการจัดการที่ทำให้เราสามารถมูฟออนจากเรื่องต่างๆเหล่านั้นได้ ดังนี้
1.ยอมรับความรู้สึกตัวเอง
เราไม่สามารถปฏิเสธกับตัวเองได้ว่าลึก ๆ แล้วเราเสียใจมาก แต่การบอกว่ากับตัวเองว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วนั้น มันไม่สามารถทำให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้หรอก เจ็บก็บอกว่าเจ็บ ถ้ายังรักก็บอกว่ายังรัก อย่าหลีกเลี่ยงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เพราะว่ามันทำให้คุณรู้สึกว่าคุณกำลังจะเดินหน้าต่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันคือบาดแผลที่ยังฝังลึก มันเหมือนกับว่าคุณทายาที่รักษาแผลแค่ภายนอก แต่ยังมีสิ่งสกปรกอยู่ภายในแผลเต็มไปหมด และรอวันที่จะอักเสบ แล้วคุณก็เจ็บกว่าเดิม ดังนั้นหากคุณอยากให้แผลของคุณหาย คุณก็ควรยอมรับความรู้สึกของตัวเองก่อน และไม่จำเป็นต้องรีบตัดเขาออกไป
2.พูดความรู้สึกให้คนอื่นฟัง
บางคนเชื่อว่าวิธีที่จะ Move on ได้เร็วที่สุด คือการไม่พูดถึงเรื่องราวที่แสนเจ็บปวด แต่อยากจะบอกว่าคุณอย่าต่อสู้กับสิ่งนี้เพียงลำพังเลย การที่คุณพูดความรู้สึกของคุณให้คนอื่นฟังมันเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณได้ดีมาก ให้คุณได้ระบายความรู้สึก ความเศร้าในใจ และยังช่วยให้เหงาน้อยลง ลองแชร์เรื่องราวให้เพื่อนสนิท หรือคนที่ไว้วางใจฟังดู อย่างน้อยคุณก็ได้รู้ว่ายังมีคนที่รับฟังเรื่องราว และเข้าใจความรู้สึกของคุณอยู่บ้าง และบางครั้งคุณอาจจะได้คำแนะนำที่ดีที่จะช่วยให้คุณ Move on เร็วขึ้นก็ได้
3.เลิกตั้งความหวังและเปิดใจ
เหตุผลที่ทำให้บางคนไม่สามารถ Move on ได้ คือการคิดว่าเราไม่สามารถรักใครได้อีกนอกจากเขาคนนั้นแล้ว หรือไม่สามารถเห็นตัวเองรักกับคนอื่นได้ คนนี้คือคนที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว การคิดแบบนี้ถือเป็นความคิดที่อันตรายมาก เพราะมันทำให้คุณรู้สึกคาดหวังว่าเขาจะกลับมา ที่เรียกกันว่า หวังแบบลม ๆ แล้ง ๆ ซึ่งไม่มีประโยชน์เลยที่คุณยังจะยังคิดแบบนี้ แต่ก็เข้าใจว่าไม่ง่ายที่ต้องยอมรับ เพราะของแบบนี้อาจต้องใช้เวลา ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าจะนานแค่ไหน ในตอนนั้นคุณอาจจะเจอคนที่ดีกว่านี้ก็ได้ และเขาคนนั้นแหละคือคนที่จะเยียวยาแผลใจให้กับคุณได้ดีมากที่สุด
4.ลดการติดต่อลง
แรก ๆ การที่ต้องตัดใจเลิกคุยกับคนที่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรานั้นคงทำได้ยาก แต่ถ้าคุณสองคนตกลงกันแล้วว่ามันจบ การคุยต่อจะเป็นการยืดเวลา และจะยิ่งทำให้คุณ Move on ได้ช้าลง หรืออาจทำให้รู้สึกเจ็บกว่าเดิม เพราะต้องเจอกับคำพูดที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน เหมือนกับว่าไม่เคยรักกันมาก่อน ดังนั้นคุณควรลดการติดต่อลง อย่าให้ความรู้สึกและความผูกพันมาสร้างบาดแผลเพิ่มให้กับคุณ จนทำให้แผลก็ยิ่งหายยาก
5.รู้จักให้อภัย
การให้อภัยเป็นรูปแบบของความรักที่ดีและสวยงามที่สุด แต่ก็เป็นสิ่งที่อาจต้องใช้เวลานานที่สุด แล้วถ้าให้อภัยได้คุณก็จะมีความสุขที่สุดเช่นกัน การให้อภัยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้อภัยเขาอย่างเดียว แต่เป็นการให้อภัยตัวเองด้วย เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เพราะคงไม่มีใครอยากลากอะไรหนักๆไปตลอดชีวิต คุณก็รู้ว่ามันเหนื่อย โดยเฉพาะความรู้สึกที่คุณต้องลากมันไปทุกที่ บางทีคุณอาจรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ที่เราต้องให้อภัยในสิ่งที่เขาทำกับเรา แต่เชื่อเถอะวันหนึ่งคุณก็จะอภัยให้เขาได้ และเมื่อถึงวันนั้นจะเป็นวันที่คุณเรียนรู้ว่า ตัวคุณเองนั้นไม่สามารถเปลี่ยนอดีต แต่ทำได้แค่ให้อภัยเท่านั้น
6.ทำในสิ่งที่คุณรัก
เวลาเจ็บปวด ผิดหวัง หรือเสียใจ อย่าปล่อยให้ตัวเองว่าง มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน เพราะจะเสียเวลาเปล่า ลองออกไปทำสิ่งที่คุณรักจะดีกว่า วิธีนี้เป็นวิธีที่จะช่วยได้ดีเลยทีเดียว ลองสังเกตเวลาที่อยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว และเมื่อไรที่คุณหัวเราะ คุณจะไม่ค่อยนึกถึงเรื่องราวที่เจ็บปวด หรือคุณอาจจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำ เพื่อดูว่าตัวเองชอบไหม ถ้าชอบแล้วคุณเองก็จะมีความสุขที่ได้ทำมันจนลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปเลย
7.มีความรักครั้งใหม่
นักจิตวิทยาหลายคนให้ความเห็นว่า การมีความรักครั้งใหม่นั้นสามารถช่วยทำให้มูฟออนได้ เพราะเมื่อมีความรัก เราก็จะมีความสุขควบคู่กันมา สมองของเราก็จะหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่ทำให้ความเจ็บปวดนั้นลดน้อยลง และความสุขจะมีมากขึ้น อีกทั้งการได้ทำกิจกรรมหรือใช้เวลาร่วมกับคนใหม่ จะช่วยทำให้เราคิดถึงช่วงเวลาในอดีตน้อยลงด้วย
8.ดูแลตัวเองและรักตัวเอง
เวลาที่เราอกหักหรือต้องเจอกับความสัมพันธ์ที่ต้องจบลงไป หลายครั้งเราก็มักปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดเดิมๆซ้ำๆ โดยไม่ทำอะไร และลืมที่จะรักตัวเอง ลืมที่จะดูแลตัวเอง การรักและการเห็นคุณค่าในตัวเองเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราmove on ได้ รวมไปถึงการดูแลตัวเองในทุกๆเรื่อง เช่น การออกกำลังกายจะช่วยให้ความเครียดและความเศร้านั้นลดลง การกินก็เช่นเดียวกัน คนที่หันมาดูแลตัวเองและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ คนเหล่านั้นจะสามารถมูฟออนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
9.หากิจกรรมทำตลอด หรือทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้
สิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับช่วงเวลาแบบนี้ก็คือ ความคิดถึงและความทรงจำต่างๆ การทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ โดยไม่มีเวลาว่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือทำกิจกรรมใหม่ๆ โดยใช้เวลาไปกับอะไรสักอย่างก็จะช่วยให้เราไม่นึกถึงเขาได้ เพราะฉะนั้นพยายามหากิจกรรมทำอยู่ตลอดและทำตัวเองให้ยุ่งเข้าไว้ ก็จะช่วยให้move on ได้
10.อยู่กับเพื่อนหรือคนสนิท
เพื่อนหรือคนสนิทคือคนที่เราสามารถเล่าเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตให้ฟังได้ และคือคนที่จะช่วยฮีลใจเราได้เป็นอย่างดี พยายามใช้เวลาอยู่กับเพื่อนหรือคนสนิทให้มาก เพราะการที่เราได้ระบายออกมา หรือการได้ทำอะไรกับเพื่อนหรือคนสนิท จะช่วยให้เราดีขึ้น และสามารถmove on ได้ง่ายขึ้น
เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับ10 เรื่องจริงเกี่ยวกับเรื่องมูฟออน ( move on ) คืออะไร ?นำมาให้อ่านกันวันนี้ หวังหลายคนคงจะได้ความรู้ รวมถึงแนวคิดดีๆสำหรับการmove on กันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าคุณจะเจอเรื่องราวที่เจ็บปวดหรือ เลวร้ายแค่ไหน ก็ขอให้คุณMove on ไปข้างหน้า แล้ววันหนึ่งก็จะเป็นวันของคุณอย่างแน่นอน